ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรอ่อนเทียบดอลล์ หลังบอนด์ยีลด์ยุโรปพุ่ง

ข่าวต่างประเทศ Thursday November 17, 2011 06:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินยูโรยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีและฝรั่งเศสยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความวิตกกังวลว่า ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นจะทำให้สองประเทศยักษ์ใหญ่แห่งยูโรโซนเผชิญกับความยากลำบากในการชำระหนี้

ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.29% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3492 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3531 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.39% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5751 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5813 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.12% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.980 เยน จากระดับ 77.070 เยน และแข็งค่าขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9176 ฟรังค์ จากระดับ 0.9154 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.74% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0101 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0176 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.69% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7655 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7708 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินยูโรร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลในยุโรปพุ่งขึ้นติดต่อกันสองวันทำการเมื่อวานนี้ แม้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อลดกระแสความตื่นตระหนกในตลาดก็ตาม โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% ซึ่งถือเป็นระดับที่เป็นอันตราย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลฝรั่งเศสพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.69% ในวันพุธ

ยูโรได้รับแรงกดดันมากขึ้นจากข่าวที่ว่า มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารหลายแห่งในภาครัฐบาลของเยอรมนี โดยให้เหตุผลว่ามีแนวโน้มน้อยลงที่ธนาคารกลุ่มนี้จะได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก

ทั้งนี้ วิกฤตหนี้ยุโรปส่งผลให้เศรษฐกิจในยูโรโซนขยายตัวเพียง 0.2% ในไตรมาส 3 ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในเยอรมนีและฝรั่งเศสได้ถูกบดบังจากประเทศที่เผชิญกับวิกฤติหนี้ และนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงต้นปีหน้า

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐซึ่งครอบคลุมถึงผลผลิตในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ โรงงาน และสาธารณูปโภคพื้นฐาน ขยายตัว 0.7% ในเดือนตุลาคม หลังจากที่หดตัว 0.1% ในเดือนกันยายน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จะขยายตัวเพียง 0.4%

กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า มูลค่าการซื้อสุทธิหลักทรัพย์ ตั๋วเงินคลัง และพันธบัตรสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 6.86 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน เทียบกับ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม เนื่องจากจากนักลงทุนต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ขณะที่เกิดวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย ส่วนวันศุกร์ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ