นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงยอดการส่งออกรถยนต์เดือน ต.ค.54 ว่า ส่งออกได้ 50,913 คัน ลดลง 36.64% จากต.ค.53 และลดลง 43.84% เมื่อเทียบกับก.ย.54 โดยมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 22,537 ล้านบาท ลดลงจากต.ค.ปีก่อน 35.08%
ขณะที่การส่งออก 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.54) อยู่ที่ 690,545 คัน ลดลง 7.34% จากช่วงเดียวกัน มูลค่าการส่งออก 321,547 ล้านบาท ลดลง 5.88%
ส่วนการผลิต ต.ค.จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้มีทั้งสิ้น 49,439 คัน ต่ำสุดในรอบ 112 เดือน โดยลดลง 67.62% จากต.ค.53 เมื่อเทีบกับก.ย.54 ลดลง 71.62% เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไม่สามารถป้อนสินค้าให้กับโรงงานประกอบรถยนต์ได้ ส่วนการผลิต 10 เดือน มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 1,334,674 คัน ลดลง 1.13% จากระยะเดียวกันของปีก่อน
สำหรับยอดขายยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนต.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 42,873 คัน ลดลง 50.73% จากเดือนก.ย. 54 และลดลง 40.5% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว สาเหตุที่ยอดขายรถยนต์ลดลงเนื่องจากเหตุการณ์อุทกภัย บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งไม่สามารถผลิตรถยนต์ได้ตามปกติ เพราะขาดแคลนชิ้นส่วนจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ถูกน้ำท่วมเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าได้ตามกำหนดระยะเวลา ทั้งๆ ที่ความต้องการและยอดจองรถยนต์ยังคงมีอยู่มากก็ตาม
ทั้งนี้ คาดว่าการผลิตรถยนต์ปีนี้จะลดลงจาก 1.8 ล้านคัน เหลือ 1.5 ล้านคัน คิดเป็นมูลค่าที่หายไปราวๆ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้มีการคำนวณมูลค่าที่เสียหายจากการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เนื่องจากมีผู้ผลิตเป็นจำนวนมาก ส่วนสถานการณ์จะฟื้นกลับมาเมื่อไรนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการฟื้นฟูสถานการณ์น้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถผลิตได้เพียง 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ที่ก่อนหน้านี้สามารถผลิตได้วันละ 6,000 คัน ทำให้มูลค่าหายไปประมาณ 3-4,000 ล้านบาท
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ จะสามารถกลับมาฟื้นฟูได้รวดเร็ว เนื่องจากมีเงินทุนในการฟื้นฟู แต่ส่วนที่ได้รับผลกระทบมาก คือ ผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เป็นเอสเอ็มอี เพราะไม่มีเงินทุนในการฟื้นฟูกิจการ ทำให้ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้ให้เร็วที่สุด