สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดิ่งลงอย่างหนักถึง 3% เมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายสินทรัพย์ประเภทต่างๆ รวมทั้งสินทรัพย์เสี่ยงและสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เพื่อเลือกถือเงินสดไว้ในมือ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง หลังจากผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลสเปนเมื่อวานนี้ระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 54.1 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 1,720.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1745.0 - 1720.0 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.325 ดอลลาร์ ปิดที่ 31.497 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 3% ปิดที่ 3.3825 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 50.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 603.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 50.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,581.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงหุ้น และสินทรัพย์ที่ปลอดภัยรวมถึงทองคำ เพราะมองว่าการถือเงินสดไว้ในมือเป็นทางเลือกที่ "ปลอดภัยมากกว่า" ในช่วงที่วิกฤตหนี้ยุโรปมีแนวโน้มว่าจะลุกลามในวงกว้าง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี
นอกจากนี้มีรายงานว่า ต้นทุนการประกันการผิดนัดชำระหนี้ของฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม และอิตาลี ต่างก็พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งยิ่งเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดทองคำและทำให้นักลงทุนตัดสินใจเทขายสัญญาทองคำเพื่อถือเงินสดเอาไว้
ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFGbest ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า "ภาวะการซื้อขายในวันพุธแตกต่างกับในช่วงที่ผ่านมาซึ่งนักลงทุนเคยมองว่าทองคำน่าจะเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยที่ยามที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หากพิจารณาสถานการณ์ในขณะนี้พบว่า ทวีปยุโรปกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2"
"นักลงทุนในยุโรปและทั่วโลกกำลังเทขายสัญญาทองคำและโลหะเงินเพื่อถือเงินสดไว้ในมือ และเลือกถือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยในยามนี้" ดาลีกล่าว
นอกจากนี้ สัญญาโลหะมีค่ายังได้รับแรงกดดันอย่างหนักตลอดทั้งวัน โดยสัญญาโลหะเงินดิ่งลงไปเกือบ 7% หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะได้รับผลกระทบอย่างหนักหากวิกฤตหนี้ยุโรปลุกลามออกไปไกลกว่ากรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี โปรตุเกส และสเปน และอาจจะได้รับผลกระทบมากขึ้นหากวิกฤตหนี้ไม่ได้รับการแก้ไขในเวลาและวิธีการที่เหมาะสม