นายกรัฐมนตรีเผยผู้นำอาเซียนให้ความสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสามเสาหลักสำคัญ รวมทั้งประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพร้อมสนับสนุนให้สหภาพเมียนมาร์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนในปี 2014
"ผู้นำอาเซียนได้ให้ความสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสามเสาหลักสำคัญ คือ ความมั่นคงทางการเมือง การเติบโตทางเศรษฐกิจและด้านสังคม รวมทั้งประเด็นสภาพภูมิอากาศ" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สรุปผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 19 วันแรกที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจนั้นความร่วมมือของอาเซียนจะเป็นการผนึกศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เพื่อต่อสู้กับความไม่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจของโลก อาทิ สหรัฐฯ และประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปในปัจจุบัน
ด้านสังคมนั้นเป็นการบ่งบอกอัตลักษณ์ความเป็นอาเซียนอย่างแท้จริง รวมทั้งยังเป็นการร่วมมือกันภายใต้การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในปัจจุบัน หลายประเทศในอาเซียน ทั้งไทย เวียดนาม กัมพูชา ต่างก็ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน กรณีอุทกภัยที่เกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อม เพราะอุทกภัยและภัยธรรมชาติอาจจะมีความรุนแรงอาจมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้อาเซียนยังได้สนับสนุนและมั่นใจมอบหมายให้สหภาพเมียนมาร์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนในปี 2014 โดยหลายประเทศเห็นว่าพม่ามีการเปลี่ยนแปลงสู่ระบอบประชาธิปไตย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสร้างความเชื่อมั่นของไทยในเวทีอาเซียนว่า ทุกประเทศเข้าใจว่าปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งจะเป็นแนวทางในการตัดสินดำเนินมาตรการต่างๆ ต่อไป ขณะนี้ไทยได้เดินเข้าสู่แผนฟื้นฟู พร้อมทั้งมีการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ(กยน.) และคณะกรรมการยุทธศาตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ(กยอ.) ซึ่งหลายประเทศต่างมั่นใจในการลงทุน
และช่วงค่ำ เวลา 21.00 น.นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับ นาย Susilo Bambang Yudhoyono ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ณ ศูนย์การประชุมบาหลี(BNDCC) โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีที่อินโดนีเซียประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 19 พร้อมทั้งขอบคุณที่อินโดนีเซียได้ส่งมอบความช่วยเหลือแก่ไทยในสถานการณ์น้ำท่วมทั้งรูปแบบเงินและสิ่งของที่มีมูลค่ามากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในโอกาสนี้ผู้นำทั้งสองประเทศได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้าข้าว ซึ่งได้มีการลงนาม MOU ในการส่งออกข้าวของไทยไปอินโดนีเซียปีละ 1 ล้านตัน ซึ่งเป็นเพิ่มโอกาสและสร้างความมั่นคงให้กับการส่งออกข้าวของไทยในตลาดโลก พร้อมทั้งยังได้มีการพูดคุยถึงความร่วมมือในการด้านการค้าและการลงทุนอื่นๆ อาทิ ความร่วมมือด้านประมง ต่อไป