ผลการเลือกตั้งทั่วไปของสเปนปรากฏว่า พรรคป๊อปปูลาร์ (พีพี) ของนายมาริอาโน ราฮอย ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นด้วยคะแนน 10,300,000 เสียง ซึ่งหมายความว่านายราฮอยจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปนในไม่ช้านี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พรรคพีพีได้รับคะแนนเสียงในสัดส่วน 44.5% ซึ่งเพียงพอที่ทำให้พรรคพีพีสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ได้ต้องดึงพรรคการเมืองพรรคอื่นมาร่วมด้วย ขณะที่พรรคโซเชียลสิสต์ (พีเอสโออี) ของนายอัลเฟรโด เปเรซ ราบัลคาบา ได้คะแนนเพียง 28.6%
สเปนกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินในขณะนี้ หลังจากที่ระดมทุนจากการประมูลขายพันธบัตรครั้งล่าสุดได้เพียง 3.6 พันล้านยูโร (4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ 6.97% ซึ่งสูงกว่าระดับ 5.43% ในการประมูลเมื่อวันที่ 20 ต.ค.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ 6.97% ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2540 และเป็นระดับที่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลสเปนจะต้องแบกรับภาระหนี้สินในระยะยาว นอกจากนี้ ความต้องการความพันธบัตรรัฐบาลสเปนยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อพิจารณาจากยอดขายที่ต่ำกว่าเป้าหมายสูงสุดที่กระทรวงการคลังสเปนกำหนดไว้ที่ 4 พันล้านยูโร ทั้งนี้ สเปนกำลังพยายามผลักดันเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจหดตัวลงยาวนานเกือบ 2 ปีอันเนื่องมาจากภาวะตกต่ำของตลาดอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังเป็นที่เกรงกันว่า สเปนจะเป็นประเทศต่อไปในยูโรโซน ที่จะต้องขอรับความช่วยเหลือจากภายนอก ต่อจากกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส