นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) เปิดเผยว่า จากปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่กลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขยายวงกว้างมาจนถึงเดือน พ.ย.54 และคาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึง ธ.ค.นั้นจะทำให้ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมส่งผลทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ รวมถึงระบบการคมนาคมขนส่งและลอจิสติกส์
ปัจจัยเรื่องน้ำท่วมมีผลกระทบเต็มที่ต่อไตรมาส 4 ทั้ง 3 เดือนซึ่งสภาพัฒน์ประเมินว่า จากปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อ GDP มากถึง 8.7% ในไตรมาส 4/54 หรือคิดเป็น 2-3 แสนล้านบาท จากแนวโน้มที่คาดว่า GDP ในไตรมาส 4 จะเติบโตได้ 5% ดังนั้นเมื่อหักลบผลกระทบจากน้ำท่วมแล้วจึงทำให้คาดว่า GDP ในไตรมาส 4 อาจจะติดลบราว 3.7%
ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในไตรมาส 3/54 มีผลกระทบต่อ GDP 0.7% จึงทำให้ไตรมาส 3/54 เติบโตได้ 3.5% จากเดิมที่ควรจะต้องโตได้ 4.2%
สำหรับในปี 55 ที่คาดว่า GDP จะเติบโตได้ 4.5-5.5% นั้นขึ้นกับการฟื้นฟูในภาคการผลิตจากปัญหาน้ำท่วมจะต้องไม่ล่าช้า ซึ่งหากสามารถฟื้นฟูภาคการผลิตได้อย่างน้อย 80% ผลกระทบก็จะมีน้อย อีกทั้งกรณีปัญหาเศรษฐกิจในยูโรโซน โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซ และเรื่องของตลาดเงินตลาดทุน และค่าเงินบาท ที่มองว่าในปี 55 อาจมีความผันผวนอยู่บ้าง เพราะมองว่าในปี 55 จะมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามามาก ซึ่งเป็นผลจากเม็ดเงินประกันภัยจากน้ำท่วมไหลเข้า