สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของสหรัฐและยุโรปได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.58% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลียที่ระดับ 0.9840 ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9998 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และทะยานขึ้น 1.10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์นิวซีแลนด์ที่ระดับ 0.7471 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7554 ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินยูโรขยับขึ้นเล็กน้อย 0.07% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3519 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3509 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.89% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9154 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9173 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลงเล็กน้อย 0.01% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.900 เยน จากระดับ 76.910 เยน และร่วงลง 0.21% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9154 ฟรังค์ จากระดับ 0.9173 ฟรังค์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าดอลลาร์สหรัฐน่าจะเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยมากที่สุดในยามที่ปัญหาหนี้ทั้งในสหรัฐและยุโรปยังไม่คลี่คลาย
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์และนักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า คณะกรรมการ Super Committee ซึ่งทำหน้าที่ร่างกฎหมายเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐลงให้ได้ประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 10 ปี อาจะไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการลดยอดขาดดุลงบประมาณได้ เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครทยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับรายละเอียดของการปรับลดการใช้จ่ายและการขึ้นภาษี
ค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน ก่อนที่จะขยับขึ้นเล็กน้อยในช่วงท้าย หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิสเตือนว่า อันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสอาจจะได้รับผลกระทบในด้านลบ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแอ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้นว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะลุกลามเป็นวงกว้าง
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.4% สู่ระดับ 4.97 ล้านยูนิตต่อปี สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.8 ล้านยูนิตต่อปี จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 4.90 ล้านยูนิต เพราะได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยจำนองบ้านที่ปรับตัวลดลง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/2554 ในวันนี้เวลา 20.30 น.เวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.5% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งแรก