นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบให้ดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองที่มีคำสั่งให้กรมธนารักษ์ชำระค่าหนี้ตามคำพิพากษาแก่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) จำนวน 1,097,192,136.69 บาท โดยให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้น 1 ชุด เพื่อดำเนินการพิจารณาว่าความเสียหายดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังขอให้ใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังชำระเงินให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับจากวันที่ 15 ก.ย.54 ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 14 พ.ย. 54
อนึ่ง BTSC ได้ก่อสร้างฐานรากเผื่อให้กับสถานีขนส่งและพื้นที่ธุรกิจอื่นที่อยู่เหนือโรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าบนที่ดินของกรมธนารักษ์ ซึ่งบริษัท บางกอกเทอร์มินอล(ชื่อเดิม ซันเอสเตท)เป็นผู้ประมูลได้สิทธิการเช่า ซึ่งจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าฐากรากเพิ่มเติมดังกล่าว แต่ต่อมา บางกอกเทอร์มินอลได้จ่ายเงินค่ารากฐานให้กรมธนารักษ์เพื่อนำไปมอบให้ BTSC เพียงบางส่วน หรือจำนวน 359 ล้านบาท
เนื่องจากกรมธนารักษ์มีปัญหาในเรื่องสถานะสัญญาก่อสร้างและบริหารโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตระหว่างบางกอกเทอร์มินัลกับกรมธนารักษ์ว่ามีผลผูกพันหรือไม่ เพราะสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าการพัฒนาที่ดินราชพัสดุบริเวณดังกล่าวต้องดำเนินการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเช้าร่วมการงานฯ และ สัญญาที่หน่วยงานรัฐทำจะมีผลสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อทำขึ้นโดยบุคคลที่มีอำนายกระทำการและได้ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด
แต่การพัฒนาที่ดินราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตไม่ดำเนินการตามขั้นตอนพ.ร.บ.ร่วมการงานฯ ทำให้สัญญาระหว่างกรมธนารักษ์และบางกอกเทอร์มินัลจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายแลไม่มีผลผูกพันในแง่สัญญาต่อกัน
และมีข้อสังเกตุเพิ่มเติมว่า กรมธนารักษ์อาจดำเนินโครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตต่อไปโดยปฏิบัติตามพ.ร.บ.ร่วมการงานฯ ซึ่งปัจจุบันกรมธนารักษ์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญากับ บางกอกเทอร์มินัล และ บางกอกเทรอร์มินัลก็ไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่นกัน
ฉะนั้น เมื่อบางกอกเทอร์มินัลไม่จ่ายค่าฐากราก BTSC จึงเป็นโจทก์ฟ้องบางกอกเทอร์มินัล กรมธนารักษ์ และกระทรวงการคลัง เพื่อให้จ่ายชดเชยค่าฐานราก และในที่สุดศาลปกครองกลางก็ได้มีคำพิพากษาให้บางกอกเทอร์มินัลเป็นผู้ต้องจ่ายค่าชดเชยฐานรากในส่วนที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อกรมธนารักษ์ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้บางกอกเทอร์มินัลเข้าไปดำเนินการตามัญญาก่อสร้งและบริหารโครงการได้ บางกอกเทอร์มินัลก็ยังไม่จ่ายเงินค่าชดเชดังกล่าว แต่สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลัง ดังนั้นกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังจึงต้องจ่ายค่าชดเชยฐากรากรวมดอกเบี้ย