กสิกรไทยคาดวิกฤติน้ำท่วมฉุดส่งออกไทยชะลอถึงปีหน้า คาดปี 55 โตแค่ 5%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 23, 2011 14:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าผลกระทบจากอุทกภัยอาจทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2554 สูญหายไปประมาณ 6,400-8,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้การส่งออกในปีนี้จะมีมูลค่า 223,700-226,000 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวประมาณ 15.5-16.7% จากที่ก่อนหน้าเหตุการณ์อุทกภัยเคยคาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 20%

อนึ่ง กระทรวงพาณิชย์ได้แถลงตัวเลขส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม 2554 มีมูลค่าลดลงมาเหลือเพียง 17,192 ล้านดอลลาร์ฯ จากระดับ 21,511 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนกันยายน ขณะที่มีอัตราการขยายตัวเพียงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) แต่หากพิจารณามูลค่าการส่งออกที่ไม่รวมทองคำ พบว่าขยายตัวร้อยละ 3.4 ซึ่งเป็นการสะท้อนภาพชัดเจนถึงผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ที่สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ภาคอุตสาหกรรมไทย

ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกอาจหดตัวต่อเนื่องนับจากเดือนพ.ย.54 ไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 55 เนื่องจากแม้ขณะนี้มีบางโรงงานที่ไม่ได้ถูกน้ำท่วมเสียหายโดยตรงเริ่มกลับมาเดินเครื่องผลิตบ้างแล้ว โดยจัดหาชิ้นส่วนจากแหล่งอื่นมาทดแทน และน่าจะมีโรงงานที่ทยอยกลับมาผลิตได้มากขึ้นหลังจากที่กู้นิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมได้เป็นผลสำเร็จประมาณเดือนธ.ค. แต่สำหรับโรงงานที่เครื่องจักรจมอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน อาจต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 3 เดือนกว่าที่จะสามารถฟื้นกำลังการผลิตกลับคืนสู่ระดับปกติได้

"มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนพ.ย.น่าจะยังมีระดับลดลงต่อเนื่อง ลงมาเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 16 เดือน ที่มูลค่าประมาณ 15,000-16,000 ล้านดอลลาร์ฯ ขณะที่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่าจะหดตัวมากกว่า 10% และน่าที่จะยังคงหดตัวต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2555" เอกสารเผยแพร่ระบุ

และเมื่อผนวกกับปัจจัยกดดันจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางความเสี่ยงที่ยืดเยื้อของวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 55 อาจขยายตัวชะลอลงเหลือเพียง 5% โดยมีกรอบประมาณการอยู่ในช่วง 2-8% คิดเป็นมูลค่า 228,200-244,100 ล้านดอลลาร์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ผลของอุทกภัยครั้งร้ายแรงนี้อาจสร้างความสูญเสียต่อภาคการส่งออกของไทยในปี 2554-2555 คิดเป็นมูลค่ารวมกันประมาณ 12,400-14,800 ล้านดอลลาร์ โดยอุทกภัยที่เกิดขึ้นนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบระยะสั้นที่ทำให้การผลิตและการส่งออกของภาคอุตสาหกรรมไทยต้องสะดุดลงเท่านั้น แต่อาจมีผลเชื่อมโยงไปถึงแนวโน้มการเข้ามาลงทุนของบริษัทข้ามชาติในประเทศไทย และอาจจะกระทบต่อศักยภาพของอุตสาหกรรมส่งออกของไทยในอนาคตข้างหน้า เนื่องจากนักลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำเข้าท่วมเสียหายนั้น กว่า 70% เป็นนักลงทุนต่างชาติ

ด้วยเหตุนี้ การเร่งวางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ รวมทั้งการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานป้องกันน้ำท่วมพื้นที่อุตสาหกรรมและพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจ ตลอดจนการเยียวยาแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการที่ประสบภัย จึงนับเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับรัฐบาลที่ต้องเร่งดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วก่อนเข้าฤดูกาลน้ำหลากที่จะมาถึงในปีหน้า เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมทั้งเพื่อสร้างเสถียรภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมั่นคงสำหรับอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ