เอชเอสบีซี เปิดเผยวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเบื้องต้น ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 48 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง และยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลก
รายงานของเอชเอสบีซีระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจของจีนได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในต่างประเทศ และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้วจากวิกฤตหนี้ยุโรป
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการขยายตัว แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตหดตัวลง
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การชะลอตัวลงดัชนี PMI ภาคการผลิตอาจจะเปิดทางให้จีนตัดสินใจใช้นโยบายผ่อนคลายในบางด้าน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ปรับตัวลงรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายฉู หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเอชเอสบีซี ไชน่า กล่าวว่า การร่วงลงของดัชนี PMI สะท้อนให้เห็นว่า อัตราการขยายตัวของผลผลิตมูลค่าเพิ่มในภาคอุตสาหกรรมอาจลดลงสู่ระดับ 11-12% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่าอุปสงค์ทั้งภายในและต่างประเทศซบเซาลงอย่างมาก
เขาคาดว่า รัฐบาลจีนจะปรับเปลี่ยนจากการใช้นโยบายควบคุมเศรษฐกิจมหภาค ไปเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะเติบโตต่อไปได้ในอนาคต พร้อมกับกล่าวว่า หากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงปรับตัวลดลงในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จีนก็อาจจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม นายฉูเชื่อมั่นว่า แม้ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย.ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 50 จุด แต่เศรษฐกิจจีนก็จะไม่เผชิญกับภาวะหดตัวในทันที นอกจากนี้ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลงจะช่วยเปิดทางให้รัฐบาลจีนใช้นโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจเอาไว้ไม่ให้ทรุดตัวลงรุนแรง สำนักข่าวซินหัวรายงาน