นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชากล่าวว่า เหตุอุทกภัยในปีนี้เป็นบททดสอบสำคัญของกัมพูชาว่า จะยังคงศักยภาพในการส่งออกข้าว 1 ล้านตันภายในปี 2558 ได้หรือไม่
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมปีนี้รุนแรงกว่าในปี 2543 และทำลายนาข้าวไปแล้วทั้งสิ้น 1.9 แสนเฮคตาร์ ซึ่งคิดเป็น 8% ของการผลิตข้าวเปลือกทั้งหมด
“ด้วยความเสียหายขนาดนี้ หากเรายังมีผลผลิตข้าวเปลือกส่วนเกิน 3-4 ล้านตันสำหรับส่งออก ก็แปลว่า น้ำท่วมไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการส่งออกข้าวสาร 1 ล้านตันภายในปี 2558" นายกฯกัมพูชากล่าวระหว่างการหารือร่วมระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชน
นายกฯฮุนเซ็นกล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศผู้ผลิตข้าวทำให้ราคาข้าวในตลาดระหว่างประเทศปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสดีของกัมพูชาที่คาดว่าจะส่งออกข้าวสาร 180,000 ตันในปี 2554
ในปัจจุบัน กัมพูชาส่งออกข้าวส่วนใหญ่ไปให้กับประเทศในยุโรป ซึ่งฮุนเซ็นมองว่ามีความเสี่ยงไม่น้อยต่ออุตสาหกรรมข้าวของกัมพูชา และได้แนะให้กระทรวงพาณิชย์เปิดเจรจากับฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศอื่นๆในทวีปเอเชียและแอฟริกา เพื่อหาตลาดสำหรับส่งออกข้าวแทน
ขณะเดียวกัน นายกฯฮุนเซ็นยังได้เรียกร้องให้เพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อเพิ่มคุณภาพข้าวที่ผ่านกระบวนการสี ปัจจุบันกัมพูชามีข้าวเปลือก 3.9 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ได้ข้าวสาร 2.5 ล้านตัน สำหรับการส่งออกในปีนี้ แต่การขาดเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวทำให้กัมพูชาส่งออกข้าวสารได้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้ กัมพูชาตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวรายหลักให้ได้ภายในปี 2558 ด้วยปริมาณการส่งออกที่ 1 ล้านตันเป็นอย่างน้อย