นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายเซย์จิ โคจิมะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ว่า ทางประเทศญี่ปุ่นได้กล่าวย้ำและยืนยันถึงการให้ความช่วยเหลือประเทศไทยจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยในส่วนของภาคการเกษตรนั้นทูตญี่ปุ่นได้แจ้งให้ทราบว่าทางไจก้าจะส่งคณะศึกษาสำรวจที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น และผู้แทนจากไจก้าจำนวน 7 คน มาประเทศไทยในช่วงระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน — 3 ธันวาคม 2554 นี้ เพื่อเก็บข้อมูลและจัดทำแผนความช่วยเหลือประเทศไทยที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในครั้งนี้ ซึ่งในเบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯ ได้มีการหารือกับทางไจก้าในการให้ความร่วมมือในเรื่องการจัดสถานที่ศึกษาสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในประเทศไทยแล้วเช่นกัน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำและการฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบฟื้นกลับมาโดยเร็วที่สุด สำหรับการประเมินความเสียหายภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้คาดว่าความเสียหายด้านพืช ประมง และปศุสัตว์มีมูลค่าความเสียหายรวม 7.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ด้านพืชประมาณ 6.4 หมื่นล้านบาท ด้านประมง 3.2 พันล้านบาท และด้านปศุสัตว์ 4.4 พันล้านบาท รวมทั้งได้คาดการณ์ว่าตัวเลขจีดีพีภาคเกษตรในปีนี้จะลดลงจากที่ได้ประเมินไว้จากเดิมจะเพิ่มขึ้น 4.8 % เหลือเพียง 1 % แต่อย่างไรก็ตาม ได้ยืนยันกับทางทูตญี่ปุ่นถึงศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารของไทยว่าจะไม่กระทบต่อการเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกมากนัก โดยขณะนี้ชาวนาเริ่มจะทำการเพาะปลูกข้าวนาปรังกันบ้างแล้ว ประกอบกับปริมาณน้ำในเขื่อนก็มีมากเพียงพอ ก็จะสามารถผลิตข้าวเพื่อทดแทนปริมาณข้าวที่เสียหายจากน้ำท่วมในครั้งนี้ที่เสียหายประมาณ 5 ล้านตันได้
"ที่ผ่านมาประเทศญี่ปุ่นได้มีการประสานงานกับทางรัฐบาลไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ ทั้งสิ่งของช่วยเหลือแบบเร่งด่วนผ่านองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ไจก้า เป็นจำนวนเงิน 55 ล้านเยน รวมทั้งได้ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมล่าสุดขณะนี้ คือ การให้ความร่วมมือทางด้านการเงินแบบให้เปล่าและเร่งด่วนในเรื่องสิ่งของช่วยเหลือต่างๆ เช่น เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เรือยนต์ สุขาเคลื่อนที่ และเครื่องกรองน้ำ เป็นต้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท นอกจากนี้ ทางประเทศญี่ปุ่นยังได้ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการระบายน้ำ และรถสูบน้ำและระบายน้ำ จำนวน 10 คัน โดยจะมีการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันปฏิบัติภารกิจสูบน้ำและระบายน้ำที่ยังท่วมขังอยู่ในหลายพื้นที่ให้ลดลงโดยเร็วที่สุดอีกด้วย" รมว.เกษตร กล่าว