อิตาลีต้องจ่ายอัตราผลตอบแทนสูงขึ้นอย่างมากเพื่อจูงใจนักลงทุนในการประมูลขายตั๋วเงินคลังสองรายการ ซึ่งผลการประมูลในวันนี้ถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่ารัฐบาลใหม่ของอิตาลีกำลังเผชิญกับภารกิจที่หนักหนาสาหัสในการสร้างความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะสามารถนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตหนี้ไปได้
ทั้งนี้ อิตาลีต้องจ่ายอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 7.814% เพื่อระดมทุน 2 พันล้านยูโร จากการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 2 ปี ซึ่งอัตราผลตอบแทนดังกล่าวสูงกว่าระดับ 4.628% ในการประมูลครั้งก่อน และถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการใช้สกุลเงินยูโรเมื่อปี 2542
ขณะเดียวกัน แม้ว่าอิตาลีสามารถขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนได้ตามเป้าหมายสูงสุดที่ 8 พันล้านยูโร แต่อัตราผลตอบแทนสำหรับการประมูลครั้งนี้ได้พุ่งทะยานแตะ 6.504% ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.535% ในการประมูลครั้งก่อนเมื่อวันที่26 ต.ค.ที่ผ่านมา และยังเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2540
ด้านธนาคารกลางอิตาลีย้ำว่า ความต้องการพันธบัตรอิตาลีอยู่ในระดับสูง โดยความต้องการซื้อพันธบัตรมีมากกว่าจำนวนพันธบัตรที่นำออกขายถึง 50%
สำหรับในการประมูลตราสารหนี้ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ อิตาลีถูกบีบให้ต้องจ่ายอัตราผลตอบแทนสูงสุดในรอบ 14 ปี โดยอิตาลีได้ขายพันธบัตรอายุ 5 ปี วงเงิน 3 พันล้านยูโรเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่อัตราผลตอบแทน 6.29% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 5.32% ในการประมูลเมื่อวันที่ 13 ต.ค. นอกจากนี้ อิตาลียังได้จ่ายผลตอบแทนตั๋วเงินคลังอายุ 1 ปี ที่ 6.087% ในการประมูลเมื่อวันที่ 10 พ.ย.