สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีกำลังหารือกันเกี่ยวกับมาตรการการสร้างวินัยด้านการคลังของประเทศในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่าผู้นำยุโรปจะสามารถหาแนวทางในการควบคุมวิกฤตหนี้ได้
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.58% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3310 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3233 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.38% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5506 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5447 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.30% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.960 เยน จากระดับ 77.730 เยน แต่ดิ่งลง 0.83% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9229 ฟรังค์ จากระดับ 0.9306 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 2.05% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9903 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9704 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 2.18% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7548 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7387 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่าผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสกำลังหาแนวทางในการประสานนโยบายการคลังของประเทศสมาชิกยูโรโซนเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วและแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะคุมเข้มวินัยด้านการคลังของประเทศในกลุ่มยูโรโซน
สหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) กำลังประชุมร่วมกันที่กรุงวอชิงตันในขณะนี้ โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า วิกฤตหนี้ยุโรปจะเป็น "ประเด็นหลัก" ในการหารือ และสหรัฐเต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ยุโรปในเรื่องนี้ด้วย
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3% สู่ระดับ 307,000 ยูนิตต่อปี แต่ราคากลางของบ้านใหม่ในเดือนต.ค.ปรับตัวลดลง 0.5% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงซบเซา
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นจะยังคงเดินหน้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราต่อไป โดยระบุว่าเงินเยนยังคงอยู่ในภาวะที่มีมูลค่าสูงจนเกินไปในขณะนี้ ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า ญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดอีกในไม่ช้านี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3% สู่ระดับ 307,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 5 เดือน
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงราคาบ้านเดือนก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย., ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.