นายฟาตีห์ ไบรอล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) กล่าวว่า รัฐบาลของประเทศต่างๆ ต้องกำหนดวัตถุประสงค์และดำเนินนโยบายที่จำเป็นเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายด้านพลังงานโลกอย่างเร่งด่วน
รายงาน World Energy Outlook 2011 ของ IEA ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ 4 ใน 5 ของปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์จากพลังงานทั้งหมดในปี 2578 จะมาจากโรงไฟฟ้า โรงงาน และ สาธารณูปโภคอื่นๆ ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังบ่งชี้ถึงแนวโน้มความวิตกกังวลที่สำคัญ เช่น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ได้เพิ่มกลับไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์, ประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานในระบบเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ลงเป็นปีที่สองติดต่อกัน และค่าใช้จ่ายในการนำเข้าน้ำมันที่เกือบจะทำสถิติใหม่
นายไบรอลกล่าวเตือนว่า หากไม่มีการควบคุมและการดำเนินการใหม่ๆ ภายในปี 2560 สาธารณูปโภคด้านพลังงานในปัจจุบันจะไม่มีโอกาสปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มเติม เพื่อช่วยให้อุณหภูมิโลกยังเพิ่มขึ้นไม่เกินเฉลี่ย 2 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับที่ถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในอุณหภูมิที่เป็นอันตราย นายไบรอลแนะนำ 2 ทางเลือกเพื่อช่วยรับมือกับความวิตกกังวลด้านพลังงานว่า ทางเลือกที่ 1 ได้แก่การลดเงินอุดหนุนสำหรับพลังงานจากฟอสสซิสลง และอีกทางเลือกก็คือการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน
รายงานของ IEA ระบุว่า ยอดเงินอุดหนุนด้านพลังงานจากฟอสซิลเพิ่มขึ้นสู่ 4.09 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2553 ในขณะที่พลังงานหมุนเวียนได้รับเงินอุดหนุนเพียง 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ IEA ยังคาดว่า การเพิ่มขึ้นของรายได้และจำนวนประชากรจะส่งผลให้ความต้องการด้านพลังงานเพิ่มขึ้นอีก 1 ใน 3 จากปี 2553-2578 และราคาน้ำมันดิบนำเข้าเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2578 สำนักข่าวซินหัวรายงาน