นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยผลการเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นว่า ได้มีโอกาสพบปะนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นต่อการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย หลังจากที่ไทยได้ชี้แจงว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการบริหารและจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)ได้มีมติเชิญผู้เชี่ยวชาญจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น(ไจก้า)มาเป็นที่ปรึกษาในการวางระบบบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จะมีความชัดเจนของแผนงานดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นความสูงของพนังกั้นน้ำถาวรในแม่น้ำสายหลัก การวางระบบประตูระบายน้ำในคลองต่างๆ การขุดลอกคูคลองให้สามารถทำหน้าที่ได้ทั้งการจัดเก็บน้ำและระบายน้ำ และ แผนสร้างฟลัดเวย์ เพื่อเป็นเส้นทางระบายน้ำหากเกิดภาวะฝนตกมากกว่าปกติ
ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญของไจก้าและไทยก็ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว มีทั้งแผนของไจก้าและแผนของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่ทำไว้เมื่อเดือนตุลาคม 2543 ซึ่งทั้ง 2 แผนมีความสอดคล้องกันถึง 80% คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จะรวมเหลือแผนเดียวและใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการน้ำได้
ส่วนกรณีที่เวิลด์แบงก์ออกมาประเมินว่าไทยอาจจะต้องใช้เม็ดเงินถึง 7 แสนล้านบาทในการฟื้นฟูประเทศภายหลังน้ำท่วม นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังทำตัวเลขนี้ แต่ก็เชื่อว่าคงอยู่ในงบประมาณหลักแสนล้านบาทตามที่ตนได้เปิดเผยไว้ตั้งแต่แรก