หนังสือพิมพ์จาการ์ต้า โพสต์ ของอินโดนีเซียรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่สมาคมธุรกิจค้าปลีกว่า ภาคค้าปลีกของอินโดนีเซียจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งแม้เศรษฐกิจโลกจะผันผวนมากขึ้นก็ตาม โดยคาดว่า รายได้อาจจะเพิ่มขึ้น 15% จากปีนี้ มาอยู่ที่ 138 ล้านล้านรูเปีย (1.504 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีหน้า
นายตุตัม ราฮันตา กรรมการบริหารสมาคมค้าปลีกของอินโดนีเซีย (APRINDO) กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ภาคค้าปลีกจะขยายตัวอย่างมั่นคงต่อไปในปีหน้าสืบเนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าแฟชั่น
“การเติบโตส่วนใหญ่เกิดจากยอดขายสินค้าผู้บริโภคอย่างเช่นอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าแฟชั่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าอื่นๆ" เขากล่าวต่อผู้สื่อข่าวนอกรอบโครงการเสริมศักยภาพธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่กระทรวงการค้า
เพื่อให้สอดคล้องตามนั้น ร้านค้าปลีกคาดว่า อาจจะขยายตัว 16.67% จากที่มีอยู่ 15,000 ร้านในปัจจุบัน
นายตุตัมกล่าวว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในยุโรปและสหรัฐคาดว่า จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอินโดนีเซียไม่มากนัก เนื่องจากว่า สินค้าส่งออกของประเทศส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศในเอเชีย อาทิ จีนและประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียน
นอกจากนี้ ปัญหาเศรษฐกิจของยุโรปจะไม่ส่งกระทบกำลังซื้อของผู้บริโภคมากนัก
“เหมือนเช่นปี 2551 วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อภาคค้าปลีกน้อย" เขากล่าวเสริม
ทั้งนี้ อินโดนีเซีย ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 4 โดยมีประชากรประมาณ 240 ล้านคน ถือว่าเป็นตลาดที่ทำกำไรให้กับธุรกิจค้าปลีกของประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน