(เพิ่มเติม) บอร์ด กนง.มีมติ 5 ต่อ 2 ให้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 30, 2011 15:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในอัตรา 0.25% มาอยู่ที่ 3.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในช่วง 0.25-0.50% เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศและการชะลอตัวของเศรษฐกิจมีผลกระทบอย่างมากต่อภาคเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท.เปิดเผยว่า กนง.ประเมินว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอลงมีมากขึ้น และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนยังอ่อนแอ ส่วนแรงกดดันด้านราคายังมีอยู่ แต่ไม่น่าจะเร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นโยบายการเงินซึ่งแม้ปัจจุบันอยู่ในภาวะผ่อนปรนอยู่แล้วก็สามารถมีบทบาทสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุนในระยะต่อไปได้มากขึ้น ดังนั้น กนง.จึงมีมติ 5 ต่อ 2 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะติดตามผลกระทบของเศรษฐกิจโลกและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมกับความจำเป็นของสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

นายไพบูลย์ กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกโลกมีความอ่อนแอลงจากปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มยุโรป และมีโอกาสที่เศรษฐกิจยุโรปที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ความเชื่อมั่นยังอยู่ในระดับต่ำ และตลาดแรงงานซบเซา ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเปราะบางอยู่

ส่วนเศรษฐกิจในเอเชีย ส่วนใหญ่ขยายตัวลงในไตรมาส 3 เพราะว่าการส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก แม้อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวดี

สำหรับประเทศไทย กนง.ระบุว่า ปัญหาอุทกภัยส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรงและเป็นวงกว้างกว่าที่ปรากฏในช่วงการประชุมครั้งก่อน โดยการผลิตบางส่วนหยุดชะงักจากผลกระทบทางตรงของอุทกภัยและผลกระทบทางอ้อมผ่านเครือข่ายการผลิตชิ้นส่วน ทำให้ส่งผลกระทบเพิ่มเติมต่อการส่งออกที่เริ่มชะลอตัวตั้งแต่ช่วงก่อนหน้าจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก และทำให้ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนปรับลดลงมาก ทั้งนี้ คาดว่าผลจากอุทกภัยจะทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/54 และทั้งปี 54 ขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าที่ประเมินไว้มาก

และแม้ว่าสถานการณ์อุทกภัยได้ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว และเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการบูรณะฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ถ้าหากมีปัญหาล่าช้าก็จะกระทบความเชื่อมั่นและการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศในระยะต่อไปได้

แม้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังมีอยู่จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และอุปสงค์ภาคเอกชนที่จะเพิ่มขึ้นจากการบูรณะฟื้นฟูภายหลังปัญหาอุทกภัยคลี่คลาย แต่เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอจะมีผลลดแรงกดดันดังกล่าวลงระดับหนึ่ง ขณะที่การขาดแคลนสินค้าจากภาวะอุทกภัยเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวและส่งผลให้ราคาเพิ่มขึ้นเฉพาะในบางกลุ่มสินค้าและในบางพื้นที่เท่านั้น ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเร่งขึ้นจนบั่นทอนเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจจึงมีไม่มาก

กนง.คาดว่าเศรษฐกิจของไทยในปี 54 จะเติบโตลดลงเหลือ 1.8% จากคาดการณ์เดิม 2.6% และเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติ แต่หากปัญหาการฟื้นฟูล่าช้าอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศในระยะต่อไปได้ ส่วนปี 55 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและอุปสงค์ของเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นฟูหลังน้ำลดจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 4.1% เป็น 4.8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ