นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) เปิดเผยผลการหารือทวิภาคีกับอุปทูตคาซัคสถาน ประจำประเทศไทย เกี่ยวกับการเสริมสร้างโอกาสและศักยภาพทางการค้าและการลงทุนของไทยในคาซัคสถาน ซึ่งเป็นตลาดใหม่ และการเสริมสร้างพันธมิตรและเครือข่ายทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับคาซัคสถานในด้านธุรกิจพลังงาน เหมืองแร่ เภสัชกรรม และการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์ร่วมกันอย่างยั่งยืนในระยะยาว
คาซัคสถานเห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพในการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันอีกมาก จึงสนใจจะเสริมสร้างการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจการค้ากับไทยในหลายสาขา และพร้อมส่งเสริมให้นักลงทุนไทยลงทุนในคาซัคสถาน เพื่อใช้ประโยชน์จากการรวมกลุ่มเศรษฐกิจเป็นตลาดร่วมของคาซัคสถานกับเบลารุส และรัสเซีย ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีกำลังการซื้อกว่า 200 ล้านคน โดยมีการเคลื่อนย้ายของสินค้า บริการ เงินทุน และแรงงานอย่างเสรี รวมทั้งมีการส่งเสริมด้านโลจิสติกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเวลาในการกระจายสินค้าจากคาซัคสถานสู่ตลาดอื่นในภูมิภาคเอเชียกลาง พร้อมกันนี้ คาซัคสถานสนใจจะร่วมมือกับไทยในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและขยายโอกาสทางการตลาดของสายการบินแอสทานาที่มีเส้นทางบินตรงระหว่างกัน
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีนโยบายบุกตลาดใหม่ เพื่อขยายเครือข่ายทางการค้าและการลงทุน รวมทั้ง เพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งพลังงานและวัตถุดิบจำพวกแร่ธาตุแหล่งใหม่ อาทิ น้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน แร่เหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม และสังกะสี ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันทางการค้าของอุตสาหกรรมไทยกับประเทศอื่นที่ได้เข้าสู่ตลาดคาซัคสถานแล้ว อาทิ จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย อย่างไรก็ดี การร่วมลงทุนดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยีการผลิตให้กับคาซัคสถานด้วยเช่นกัน
"ในฐานะทีทีอาร์ เห็นว่าคาซัคสถานเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจในการร่วมลงทุนของไทย โดยปัจจุบันคาซัคสถานมีบ่อน้ำมันและแก๊สมากถึง 172 บ่อ จึงสามารถเป็นแหล่งสำรองน้ำมันที่สำคัญ และมีศักยภาพสูงในการผลิตน้ำมันสู่ตลาดโลก และสามารถผลิตได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 40 ล้านตัน ในปี 2000 คาดว่าจะผลิตได้ถึง 120-170 ล้านตันในปี 2014 ซึ่งการร่วมลงทุนด้านพลังงานดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงทางด้านพลังงานของไทย คาดว่า ในระยะยาวการส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างกันจะนำไปสู่การขยายมูลค่าการค้าสองฝ่ายให้มากขึ้นได้ในทางหนึ่งด้วย (ระหว่างปี 2551-2553 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่าเฉลี่ย 62 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งตนมีแผนจะเยือนคาซัคสถานอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2555 ตามคำเชิญของคาซัคสถาน เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนในตลาดใหม่ดังกล่าวต่อไป" นางนลินี กล่าว