สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 30 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับความร่วมมือของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางชั้นนำของโลกอีก 5 แห่งที่ประกาศใช้มาตรการบรรเทาภาวะตัวตัวในระบบการเงิน ด้วยการปรับลดต้นทุนของวงเงินสว็อปดอลลาร์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 31.4 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,750.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 85.4 เซนต์ ปิดที่ 31.804 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 18.5 เซนต์ ปิดที่ 3.5755 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 20.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,560.8 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 4.9% ปิดที่ 612.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นหลังจาก เฟด พร้อมด้วยธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยสว็อปดัชนีข้ามคืน (OIS) ลง 0.5% ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารนอกสหรัฐสามารถระดมทุนดอลลาร์ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ความร่วมมือในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน โดยที่ผ่านมานั้นภาวะตึงตัวในตลาดการเงินได้ส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคครัวเรือนและภาคเอกชน ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจึงเป็นการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
เทรดเดอร์กล่าวว่า ตลาดทองคำนิวยอร์กขานรับมาตรการดังกล่าวเพราะเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาวิกฤตการเงินในตลาดโลก หลังจากที่ตลาดการเงินได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส ในปี 2551
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงอีก 0.5% โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.นี้เช่นกัน ซึ่งถือการดำเนินการครั้งแรกในรอบประมาณ 3 ปี เพื่อผ่อนคลายภาวะสินเชื่อตึงตัวและเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว