ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงหลัง 6 แบงก์ชาติอัดฉีดสภาพคล่องสกุลดอลล์

ข่าวต่างประเทศ Thursday December 1, 2011 07:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางชั้นนำของโลกอีก 5 แห่งที่ประกาศใช้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยสว็อปสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้เม็ดเงินสกุลดอลลาร์ในระบบการเงินมีอยู่เป็นจำนวนมาก และกดค่าเงินดอลลาร์อ่อนแอลง

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.77% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3431 ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3329 ยูโร และดิ่งลง 0.54% เมื่อเทียบกับปอนด์ที่ระดับ 1.5699 ปอนด์ จากระดับ 1.5614 ปอนด์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.53% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.440 เยน จากระดับ 77.850 เยน และร่วงลง 0.73% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9128 ฟรังค์ จากระดับ 0.9195 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 2.20% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0249 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0028 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 2.07% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7784 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7626 ดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยสว็อปดัชนีข้ามคืน (OIS) ลง 0.5%

การลดอัตราดอกเบี้ย OIS ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระยะสั้นประเภทหนึ่งนั้น จะบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน และเพื่อเป็นการรับประกันว่าธนาคารนอกสหรัฐสามารถระดมทุนดอลลาร์ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น นอกจากนี้ การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย OIS ของธนาคารกลางชั้นนำทั้ง 6 แห่งยังช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และยังหนุนตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม การอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินโลกผ่านการลดอัตราดอกเบี้ย OIS จะส่งผลให้เม็ดเงินสกุลดอลลาร์ในระบบมีอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นปัจจัยกดดันสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนแอลง โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลง 0.83% มาอยู่ที่ระดับ 78.35 จุด

ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า รมว.คลังกลุ่มยูโรโซนได้ลงนามอนุมัติเงินกู้เบิกจ่ายงวดที่ 6 มูลค่า 8 พันล้านยูโร (1.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับกรีซ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงให้ความช่วยเหลือที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ทำร่วมกับกรีซเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้ปัจจัยบวกหลังจากที่ประชุมรมว.คลังของ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ป มีมติให้เพิ่มขนาดทุนทรัพย์ให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) รวมถึงการเปิดทางกองทุน EFSF สามารถค้ำประกันการขาดทุนราว 20-30% ที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักลงทุนที่ซื้อพันธบัตรของรัฐบาลยูโรโซนในกรณีที่เกิดปัญหาด้านการเงิน

ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 206,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือว่ามากที่สุดในปีนี้

การเพิ่มขึ้นของตัวเลขจ้างงานในภาคเอกชนทำให้นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 122,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 9.0% ในเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ