สกุลเงินยูโรร่วงลงในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) ก่อนที่จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป และการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปในสัปดาห์หน้า โดยนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อยูโร เนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าผู้นำยุโรปจะสามารถหาทางออกในการควบคุมวิกฤตหนี้ภูมิภาคได้
ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3406 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3460 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.03 เยน จากระดับ 77.76 เยน, ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9208 ฟรังค์ จาก 0.9164 ฟรังค์ และปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.0178 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.0150
ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5598 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5689 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เงินยูโรพุ่งแรงในช่วงแรก หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองปีครึ่งที่ 8.6% จากระดับ 9% ในเดือนต.ค. ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 120,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ เงินยูโรยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจปล่อยเงินกู้ให้ประเทศในยูโรโซนที่ประสบภาวะหนี้สิน ผ่านทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะบรรเทาวิกฤตหนี้
อย่างไรก็ตาม เงินยูโรร่วงลงในช่วงเที่ยง จากกระแสคาดการณ์ต่างๆ ขณะที่นักลงทุนเริ่มมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้น ก่อนที่จะมีการประชุมอีซีบีในวันพฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค. และการประชุมสุดยอดอียูในวันศุกร์ที่ 9 ธ.ค.
ตลาดคาดการณ์ว่า อีซีบีจะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายสัปดาห์หน้า เพื่อกระตุ้นการขยายตัวที่ซบเซาของเศรษฐกิจยูโรโซน
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี กล่าววานนี้ว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปในสัปดาห์หน้าจะมุ่งเน้นไปที่การหารือเรื่องการเปลี่ยนแปลงสนธิสัญญาสหภาพยุโรปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้กฎเกณฑ์ด้านการคลังในกลุ่มประเทศยูโรโซนมีความเข้มงวดมากขึ้น
นอกจากนี้ มีรายงานว่า เยอรมนีและฝรั่งเศสให้คำมั่นว่าจะผลักดันสหภาพการคลังในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร 17 ประเทศให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวไม่สามารถหนุนเงินยูโรได้