นายมาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลีเปิดเผยมาตรการรัดเข็มขัดเร่งด่วน มูลค่า 3 หมื่นล้านยูโร หรือว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจและป้องกันผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยุโรป
นายมอนติกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวเป็น "มาตรการที่เน้นการออม" ซึ่งรวมถึงการปฏิรูประบบบำเน็จบำนาญและการเกษียณอายุงาน การเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ และการเก็บอากรสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือย เช่นเรือยอชต์และรถยนต์ราคาแพง
สำหรับมาตรการปฏิรูประบบบำเน็จบำนาญนั้น ครอบคลุมถึงการสนับสนุนให้พนักงานชายสมัครใจที่จะเพิ่มอายุการเกษียณงานเป็น 66 ปี และพนักงานหญิงเพิ่มอายุการเกษียณงานเป็น 62 ปี ซึ่งหากพนักงานคนใดต้องการเกษียณงานก่อนเวลาดังกล่าวก็จะได้รับเงินบำเน็จบำนาญน้อยลง
นอกจากนี้ มาตรการรัดเข็มขัดยังครอบคลุมถึงการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านการลงทุน การเปิดเสรีด้านอาชีพ และการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันทางรัฐบาลจะรับประกันสินเชื่อวงเงินรวม 2-2.5 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.6-3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก
"รัฐบาลจะใช้นโยบายสร้างแรงจูงใจสำหรับบริษัทที่ดำเนินการเพิ่มทุน เพื่อช่วยให้บริษัทเหล่านี้เติบโตและสร้างงานได้มากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างงานให้กับเยาวชนและสตรี" นายมอนติกล่าว
ส่วนมาตรการรัดเข็มขัดในภาครัฐนั้น รัฐบาลอิตาลีจะลดการใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการในเมืองต่างๆ รวมถึงการลดจำนวนผู้นำทางการเมืองในท้องถิ่น และยกเลิกหน่วยงานบางแห่ง
ทั้งนี้ นายมอนติได้รับความไว้วางใจจากผู้นำในยุโรป โดยนายโอลลี เรห์น กรรมาธิการเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป (อียู) ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า มาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจของอิตาลีภายใต้การนำของนายมอนติ กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลียังอยู่ในระดับที่สูงมากก็ตาม ด้านนายโฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปยังได้แสดงความมั่นใจต่อนายมอนติด้วย โดยเขากล่าวว่านายมอนติมีความมุ่งมั่น มีความสามารถ และมีประสบการณ์ ซึ่งจะสามารถพาอิตาลีฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆที่กำลังเผชิญอยู่ได้