สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศให้ "เครดิตพินิจ แนวโน้มเชิงลบ" แก่ 15 ประเทศในกลุ่มยูโรโซน รวมถึงเยอรมนี ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดสกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงทันที หลังจากที่ยูโรปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วงเช้า ขานรับข่าวที่ว่าผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสได้บรรลุข้อตกลงการควบคุมวินัยด้านการคลังที่เข้มงวดมากขึ้นของประเทศยูโรโซน
สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.04% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3396 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3402 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5645 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5593 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.24% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.810 เยน จากระดับ 78.000 เยน และอ่อนตัวลง 0.10% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9202 ฟรังค์จากระดับ 0.9211 ฟรังค์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเช้านั้น สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โกซีของฝรั่งเศส และนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้บรรลุข้อตกลงการเพิ่มความเข้มงวดด้านวินัยการคลังของประเทศยูโรโซน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของกลุ่มยูโรโซน
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่านายมาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศมาตรการรัดเข็มขัดเร่งด่วน มูลค่า 3 หมื่นล้านยูโร หรือว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป และปรับงบประมาณของประเทศให้อยู่ภาวะสมดุลภายในปี 2556 ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีปรับตัวลงในวันจันทร์
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินยูโรอ่อนแรงลงหลังจากเอสแอนด์พีประกาศให้ "เครดิตพินิจ แนวโน้มเชิงลบ" ต่อ 15 ประเทศกลุ่มยูโรโซน รวมถึง 6 ประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AAA (เยอรมนี, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรีย, ฟินแลนด์ และลักเซมเบิร์ก ) ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสถึง 50% ที่ประเทศเหล่านี้จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือภายใน 90 วันข้างหน้า
สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการขยายตัวที่ระดับ 52 จุดในเดือนพ.ย. แต่น้อยกว่าเดือนต.ค.ที่ขยายตัว 52.9 จุด นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 53.8 จุด ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 6 เดือน
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนต.ค., ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอดผู้นำอียูซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์ เพื่อดูว่ามาตรการเพิ่มวินัยด้านการคลังที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสนั้น จะผ่านความเห็นชอบจากผู้นำของประเทศอื่นๆในอียูและยูโรโซนในการประชุมครั้งนี้หรือไม่
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค.นี้