น.ส.ฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อการส่งเสริมกิจการพาณิชยนาวีของประเทศ โดยอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและการยกเว้นรัษฎากร(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.ฎ.ฉบับดังกล่าวกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและประกอบกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เฉพาะที่ได้จากการขายเรือเดินทะเลที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยสามารถนำเงินได้ดังกล่าวไปซื้อเรือลำใหม่ และมีการจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยภายใน 1 ปี ก่อนมีการขายเรือเก่าหรือซื้อเรือลำใหม่หรือนำไปต่อเรือลำใหม่ และนำไปจดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่า ด้วยเรือไทยภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ขายเรือลำเก่านั้น
ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้ 1.กรณีไม่สามารถดำเนินการจดทะเบียนเรือลำใหม่เป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ขายเรือเก่า อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจขยายกำหนดเวลาดังกล่าวได้ เฉพาะกรณีที่มีหนังสือรับรองจากกรมเจ้าท่าว่าการต่อเรือใหม่มีกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จเกิน 2 ปี นับจากวันขายเรือเก่า
2.เรือที่ซื้อใหม่ต้องมีอายุการใช้งานมาแล้วน้อยกว่าเรือที่ขายไป รวมทั้งเรือที่ซื้อใหม่และเรือที่ต่อใหม่ต้องมีระวางบรรทุกไม่น้อยกว่าเรือที่ขายไป และ 3.ต้องแจ้งการขายเรือเก่า และการซื้อหรือการต่อเรือใหม่เป็นหนังสือต่ออธิบดีกรมสรรพากรภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ขายเรือเก่านั้น หรือนับแต่วันที่จดทะเบียนเรือลำใหม่เป็นเรือไทย
ในกรณีที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าว ห้ามมิให้นำมูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือของเรือที่ขายไป ไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิ