นายซุสโวโน อาร์สยาฟ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียกล่าววันนี้ว่า อินโดนีเซียจะสามารถผลิตน้ำมันปาล์มได้อย่างน้อย 24 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 23.2 ล้านตัน แม้ว่าจะเกิดภาวะแห้งแล้งยาวนานก็ตาม
คำกล่าวของเขามีขึ้นหลังจากที่หน่วยงานต่างๆได้ปรับลดประมาณการผลผลิตน้ำมันปาล์มในประเทศมาเลเซีย เนื่องจากฤดูฝนที่มาล่าช้า
นายอาร์สยาฟกล่าวว่า อินโดนีเซียอาจจะเผชิญกับการผลิตน้ำมันปาล์มที่ลดลงเช่นกันในบางพื้นที่ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม ผลผลิตเพิ่มเติมที่ได้จากการขยายพื้นที่เพาะปลูกใหม่ อาจช่วยป้องกันการลดลงของผลผลิตโดยรวม
“ขณะที่มาเลเซียเผชิญกับการผลิตที่ลดลง โดยปกติแล้ว เราก็มักจะประสบปัญหาเดียวกัน อย่างไรก็ดี เรามีพื้นที่เพาะปลูกใหม่ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตโดยรวมให้กับเรา ยอดผลผลิตของเราอาจจะสูงถึงอย่างน้อย 24 ล้านตันในปีนี้" เขากล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล
กระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียเผยว่า อินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลกนับตั้งแต่ปี 2550 หลังจากชิงตำแหน่งดังกล่าวมาจากมาเลเซีย ผลิตน้ำมันปาล์มได้ 19.4 ล้านตันในปี 2552
อินโดนีเซียพยายามหาทางตอบโต้มาตรการของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งกล่าวหาว่า อินโดนีเซียไม่สนประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในช่วงเปิดทำการเพาะปลูก
อินโดนีเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและจัดตั้งมาตรฐานสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะเริ่มดำเนินการออกใบรับรองคุณภาพเป็นของตนเองในเดือนม.ค.ปีหน้า
สำหรับประเทศผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียอันดับต้นๆ ได้แก่ ยุโรป อินเดีย จีน และแอฟริกา
ทั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียได้คงอัตราภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มในเดือนธ.ค.ไว้ที่ 15% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน สำนักข่าวซินหัวรายงาน