ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยบริษัทดีลอยท์ ไชน่า เผยให้เห็นการคาดการณ์ที่ว่า ภาคธุรกิจของฮ่องกงเผชิญความกดดันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกที่มืดมน แต่จะไม่กระทบรุนแรงมากเหมือนเมื่อครั้งเกิดการระบาดของโรคซาร์สในปี 2546 และวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
การสำรวจครั้งนี้สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 200 คนจากภาคธนาคาร ลูกค้าของบริษัทดีลอยท์ และสมาชิกจากบริษัทซีพีเอ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการทำบัญชี โดยทำการสำรวจตั้งแต่เดือนส.ค.-ก.ย. 2554 รวมระยะเวลา 2 เดือน
ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจ 54% คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะอ่อนแอลงในอีก 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่ 68% เชื่อว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโปรตุเกส อิตาลี ไอร์แลนด์ กรีซ และสเปน จะย่ำแย่ลงอีกในช่วงเวลาเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เชื่อว่า เศรษฐกิจฮ่องกงจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 78% คาดว่า กำไรสุทธิของธุรกิจของตนอาจลดลงถึง 10% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า สำหรับปัจจัยที่ท้าทายธุรกิจฮ่องกงมากที่สุด 3 ประการภายใต้สภาวะแวดล้อมปัจจุบัน ได้แก่ เงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น เงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง และการที่ธนาคารและผู้ปล่อยกู้กำหนดเงื่อนไขสินเชื่อเข้มงวดมากขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงมีแนวโน้วซบเซา แต่ผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่า ผลกระทบที่เศรษฐกิจฮ่องกงได้รับจะไม่เลวร้ายเหมือนครั้งเกิดโรคซาร์สระบาดเมื่อปี 2546 และวิกฤติการเงินในปี 2551