นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง กล่าวมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยในปี 55 จะขยายตัวในอัตรา 5% โดยกระบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะมาจากภาคเอกชนเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระบวนการให้สินเชื่อ เพื่อฟื้นฟูธุรกิจในขณะที่การลงทุนภาครัฐจะเป็นปัจจัยเสริม
ส่วนที่ประชุมครม.วันนี้ได้มีการทบทวนงบประมาณที่ใช้ในการฟื้นฟูน้ำท่วม วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ต้องการให้แยกงบประมาณว่าเรื่องใดเป็นเรื่องเร่งด่วน เพื่อให้งบประมาณสามารถเบิกจ่ายได้เร็วภายในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า จะพิจารณาตามความจำเป็นเป็นการเฉพาะ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละรายดูแลตามจังหวัดที่รับผิดชอบ ซึ่งการทบทวนงบฯดังกล่าวไม่ได้ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณสะดุด
"งบฯเร่งด่วนจะต้องออกได้เร็วภายในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าจะดูตามความจำเป็นเป็นการเฉพาะ ขณะเดียวกันก็ต้องมีการควบคุมดูแลการใช้งบประมาณอย่างรัดกุม ซึ่งผมก็มีแนวคิดที่จะตั้งคณะกรรมการ Anti-Corruption มาดูประเด็นนี้เสริมด้วย"นายธีระชัย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามภาวะเศรษฐกิจ ในวันนี้
ด้านนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ในขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปถือว่าน่าเป็นห่วง แต่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาสถาบันการเงินไทยมีการปฏิรูปและเพิ่มทุนจนเข้มแข็งได้จนไม่น่าเป็นห่วง สามารถรองรับความเสี่ยงระบบการเงินโลกได้ ประกอบกับที่ผ่านมาสถาบันการเงินไทย ไม่ได้เข้ายุ่งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของโลกที่มีความเสี่ยงสูง
สำหรับการฟื้นฟูภาคธุรกิจหลังประสบน้ำท่วม โดยจากการสอบถามธนาคารพาณิชย์ใหญ่ 3-4 รายที่ได้เข้าพบลูกค้า และลูกค้าได้มีการขอสินเชื่อเพิ่มทั้งเพื่อเสริมสภาพคล่องและจัดซื้อเครื่องจักรทดแทนเครื่องจักรเก่า โดยช่วง 10 วันที่ผ่านมามีการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนล้านบาท สะท้อนว่าสินเชื่อในระบบเริ่มขยายตัวเพิ่มขึ้นในขณะที่สภาพคล่องไม่น่าเป็นห่วง สิ่งที่ต้องเตรียมรับในอนาคตคือการผลักดันให้ธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศ โดยจะต้องจัดทำแผนลงทุนแบบมียุทธศาสตร์ เป็นการออกไปลงทุนต่างประเทศแบบพึ่งพาอาศัยกัน
อย่างไรก็ตาม รมว.คลัง กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการติดตามภาวะเศรษฐกิจ ในเดือนหน้า ได้มอบหมายให้สมาคมธนาคารไทยจัดทำตัวเลขการปล่อยสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูจากผลกระทบน้ำท่วมว่ามีมากน้อยแค่ไหน เพื่อนำตัวเลขมาประเมินร่วมกับธนาคารของรัฐ เป็นการติดตามการใช้มาตรการสภาพคล่องอัดฉีดระบบ รวมถึงรายงานปัญหาและอุปสรรค
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้าจะดำเนินการผ่านสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูเข้าสู่ระบบ รวมถึงการใช้เงินงบประมาณชดเชยให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งจะดำเนินการอย่างเข้มข้นภายในไตรมาส 1/55 ขณะเดียวกันภาครัฐพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ แนวคิดต่างๆจากภาคเอกชน
ส่วนกระบวนการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลคงต้องรอแผนแม่บทที่คณะทำงานยุทธศาสตร์ เพื่อการวางระบบการบริหารจัดการน้ำ (กยน.) จัดทำให้แล้วเสร็จซึ่งจะเป็นแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว ทั้งนี้ไม่ได้กังวลต่อภาระหนี้สาธารณะที่จะสูงขึ้น หากรัฐบาลจะต้องมีการกู้เงินทั้งในและต่างประเทศเพื่อนำไปลงทุนเพื่อสร้างรายได้เพิ่มอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นการสร้างหนี้ที่ดี และปัจจุบันระดับหนี้สาธารณะอยู่ในระดับไม่สูง ขณะเดียวกันมองว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจอาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นนั้น มองว่าที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยก็สามารถดูแลเงินเฟ้อได้ดีอยู่แล้ว
สำหรับการเคลมประกันให้ภาคธุรกิจที่ถูกน้ำท่วม ได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้หารือกับบริษัทประกันให้เร่งจ่ายเงินประกันอย่างน้อย 75% ภายใน 6 เดือน จากที่เสนอที่จะจ่ายประกันภายใน 12 เดือน และขอให้ทยอยจ่ายเคลมประกันบางส่วนก่อน โดยที่ธนาคารพาณิชย์พร้อมสนับสนุนสินเชื่อให้บริษัทประกันที่มีภาระจ่ายเงินเคลมประกัน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ได้หารือถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยปี 55 ซึ่งเห็นพ้องกันในการจับตาเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีสัญญาณไม่ดี จากการที่สหรัฐมีข้อจำกัดหลายด้านในการฟื้นตัว โดยความสามารถในการใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมีจำกัด ส่วนยุโรป ในเดือน มี.ค.55 จะเป็นการชี้ขาดผลกระทบว่าประเทศกรีซจะชำระหนี้ก้อนโตสำเร็จหรือไม่
"ภาครัฐและเอกชนต้องจับตาปัจจัยดังกล่าวใกล้ชิด ซึ่งสศค.ได้รายงานข้อมูลสถาบันการเงินในโลกมีหนี้สกุลยูโร 1 ใน 3 ซึ่งเป็นสัญญาชัดเจนว่าหากยุโรปแก้หนี้ไม่สำเร็จ จะเป็นผลกระทบลูกโซ่ต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว" นายสมชัย กล่าว