สกุลเงินยูโรทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จะหารือกันเกี่ยวกับการขยายกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ขณะที่สกุลเงินฟรังค์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์จะเข้าแทรกแซงตลาด
ค่าเงินยูโรขยับลงเพียง 0.03% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3397 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3401 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.36% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5595 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5651 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวที่ 77.720 เมื่อเทียบกับเงินเยน แต่พุ่งขึ้น 0.68% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9263 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9200 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.32% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0237 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0270 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 0.06% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7795 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7800 ดอลลาร์สหรัฐ
ในช่วงเช้านั้น สกุลเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจและการคลังของประเทศยูโรโซน หลังจากเอสแอนด์พีประกาศให้ "เครดิตพินิจ แนวโน้มเชิงลบ" ต่ออันดับความน่าเชื่อถือของ 15 ประเทศกลุ่มยูโรโซน รวมถึง 6 ประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AAA (เยอรมนี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย ฟินแลนด์ และลักเซมเบิร์ก)
เอสแอนด์พีเตือนว่า อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของ 15 ประเทศในยูโรโซน หากที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ ไม่มีความคืบหน้าในการหาแนวทางควบคุมวิกฤตหนี้ พร้อมระบุว่า เอสแอนด์พีอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของเยอรมนี, ออสเตรีย, เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ลง 1 ขั้น และอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซนลง 1 หรือ 2 ขั้น
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินยูโรเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงบ่าย หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า ที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูจะหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกองทุน EFSF ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่าผู้นำยุโรปจะเร่งหาแนวทางป้องกันการลุกลามของวิกฤตหนี้
สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานอุตสาหกรรมภายในประเทศ พุ่งขึ้น 5.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งฟื้นตัวขึ้นจากเดือนก.ย.ที่หดตัวลง 4.6% เพราะได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของประเทศยูโรโซนและประเทศอื่นๆทั่วโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันพรุ่งนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า อีซีบีอาจจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% หรือ 0.50% เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนต.ค., ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนธ.ค.