นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ กล่าวว่า เขาจะไม่ลงนามรับรองการเปลี่ยนแปลงสนธิสัญญาสหภาพยุโรป (อียู) หากขัดผลประโยชน์ของประเทศ
“ผมจะไม่ลงนามในสนธิสัญญาที่ไม่ให้การคุ้มครองในประเด็นต่างๆ เช่น ความสำคัญของตลาดเดียวและบริการทางการเงิน" นายคาเมรอนกล่าวกับสำนักข่าวบีบีซี กรุงลอนดอน
นายคาเมรอนยังแสดงความวิตกกังวลว่า การปรับเนื้อหาในสนธิสัญญาอียู ซึ่งจะมีการหารือกันในสัปดาห์นี้ อาจทำให้ตลาดเปิดที่รองรับสินค้าและบริการจากอังกฤษมีกฎเกณฑ์เข้มงวดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เขายังแสดงความกระตือรือร้นที่จะปกป้องสถานะของกรุงลอนดอนในฐานะที่เป็นเมืองหลวงทางการเงินของยุโรป เนื่องจากรายได้จากภาคการเงินคิดเป็น 11% ของรายได้จากภาษีทั้งหมดของรัฐบาลอังกฤษ
แม้อังกฤษเผชิญข้อจำกัดในการจัดการปัญหาเศรษฐกิจน้อยกว่าประเทศเศรษฐกิจอื่นๆในยุโรปอย่างไอร์แลนด์ กรีซ หรืออิตาลี เนื่องจากอังกฤษยังคงใช้สกุลเงินของตัวเองและไม่ได้เป็นสมาชิกยูโรโซน แต่วิกฤตยูโรโซนก็ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ
นายคาเมรอนยอมรับว่า ยูโรโซนมีความสำคัญต่อความหวังที่เศรษฐกิจอังกฤษจะฟื้นตัว โดยระบุว่า สิ่งที่อังกฤษให้ความสนใจมากที่สุดในเวลานี้คือ การดึงอังกฤษออกจากปัญหาในยูโรโซนที่กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
“การรักษาสกุลเงินเดี่ยวเอาไว้ให้ได้ คุณจะต้องมีอะไรมากกว่าแค่สนธิสัญญาฉบับเดียว คุณจะต้องแก้ปัญหาด้านความสามารถในการแข่งขัน คุณจะต้องแก้ปัญหาด้านการขาดดุล คุณจะต้องดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดว่า คุณกำลังแก้ไขอย่างจริงจัง และคุณก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกสถาบันในยูโรโซน รวมทั้งธนาคารกลางยุโรปด้วย"
“ผมกำลังบอกว่า หากชาติต่างๆในยุโรปเลือกที่จะใช้สนธิสัญญายุโรปในการจัดการปัญหา อังกฤษก็ขอยืนยันว่าจะต้องมีการคุ้มครองบางประการ ซึ่งหากเราได้รับการคุ้มครอง สนธิสัญญาก็จะเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าเราไม่ได้รับการคุ้มครอง สนธิสัญญาก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้"
ทั้งนี้ ผู้นำ 27 ชาติสมาชิกอียูมีกำหนดประชุมกันในกรุงบรัสเซลส์ วันที่ 8-9 ธ.ค.นี้ เพื่อหารือหนทางแก้วิกฤตยูโรโซน สำนักข่าวซินหัวรายงาน