นายโรเบิร์ต โซโลว นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล กระตุ้นให้รัฐบาลสหรัฐใช้นโยบายการคลังที่ครอบคลุม เพื่อกระตุ้นอุปสงค์และเศรษฐกิจภายในประเทศ
"เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะถดถอย และจะไม่ฟื้นตัวจนกว่าอุปสงค์สินค้าและบริการจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก" นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังจากสหรัฐให้สัมภาษณ์พิเศษกับซินหัว "หากเราปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ อาจต้องใช้เวลานาน 3-5 ปี"
"เราต้องใช้นโยบายสาธารณะ แต่โชคร้ายที่เรากลับนโยบายที่ตรงกันข้ามตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา" เขากล่าว "มาตรการรัดเข็มขัดและการปรับสมดุลงบประมาณดำเนินไปแบบผิดทิศผิดทาง และไม่สร้างสรรค์ ซึ่งนโยบายดังกล่าวทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจยากกว่าเดิมแทนที่จะง่ายขึ้น และสถานการณ์เช่นนี้อาจเกิดขึ้นในยุโรปได้" เขาให้สัมภาษณ์นอกรอบงานเปิดตัวหนังสือเรื่อง Europe's Economic Crisis
รัฐบาลสหรัฐมียอดขาดดุลเกือบ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2554 เนื่องจากอัตราการเติบโตของรายได้ชะลอตัวลง นับเป็นปีที่ 3 แล้วที่ยอดขาดดุลการคลังอยู่เหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ จนสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้รัฐบาลโอบามาลดค่าใช้จ่ายภาครัฐทันที
"ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่ผมว่าคงทำอะไรไม่ได้มากแล้ว เนื่องจากอะไรที่ถูกที่ควรเฟดก็ทำไปเกือบหมดแล้ว" นายโซโลว กล่าว พร้อมกับแนะนำว่าสหรัฐและยูโรโซนควรใช้อาวุธทางการคลังให้มากกว่านี้เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ
เขากล่าวว่า ภาครัวเรือนสูญเงินไปหลายล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเกิดวิกฤตการเงิน ขณะเดียวกันมูลค่าที่อยู่อาศัยและหลักทรัพย์ที่ลดลงก็ฉุดอุปสงค์และการบริโภคภาคเอกชนด้วย
เขาเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าไปอีกหลายปี ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปมีความเสี่ยที่งเข้าสู่ภาวะถดถอยเพราะขาดนโยบายที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และยูโรโซนต้องใช้เวลานานกว่าสหรัฐกว่าวิกฤตการเงินจะคลี่คลาย
บทสัมภาษณ์โดยเจียง ซูเฟิง จากสำนักข่าวซินหัว