ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เห็นพ้องกันว่าให้มีการกำหนด "บทบัญญัติทางการคลัง" (fiscal compact) ฉบับใหม่ ที่ตั้งอยู่บนสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาล (inter-governmental treaties) และการประสานนโยบายเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น แทนการเปลี่ยนแปลงสนธิสัญญาของอียู โดยมีเป้าหมายหลักคือการแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมผู้นำอียูยังไม่สามารถระดมเสียงสนับสนุนได้มากพอที่จะทำให้บทบัญญัติดังกล่าวได้รับการรับรองจากสนธิสัญญาใหม่ของ 27 ชาติสมาชิกอียู หลังจากอังกฤษปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนบทบัญญัตินี้เพื่อคุ้มครองภาคการเงินภายในประเทศของตนเอง
นอกจากนี้ ที่ประชุมอียูยังเห็นพ้องต้องกันว่า งบประมาณของประเทศสมาชิกยูโรโซนควรจะอยู่ในภาวะสมดุล หรือ เกินดุล และเมื่อใดก็ตามที่ประเทศสมาชิกยูโรโซนฝ่าฝืนกฎเพดานยอดขาดดุลงบประมาณ 3% ต่อจีดีพี ก็จะมีการใช้มาตรการอัตโนมัติตามมา ซึ่งอาจจะรวมถึงการใช้บทลงโทษ
นายเฮอร์แมน แวน รอมปุย ประธานสภายุโรป ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานการประชุมสุดยอดผู้อียูในครั้งนี้ ต้องการให้ 27 ชาติสมาชิกอียูกันเรื่องการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ผ่านทางการแก้ไขพิธีสาร ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องอาศัยการให้ สัตยาบันของประเทศสมาชิก
อย่างไรก็ตาม นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเรียกร้องให้มีการแก้ไขสนธิสัญญาอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากยุโรปได้สูญเสียความน่าเชื่อถือไปมากแล้ว และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา