นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศในกลุ่มภูมิภาค Sub-Saharan Africa อันได้แก่ เคนยา แทนซาเนีย และยูกันดา ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มประชาคมแอฟริกาตะวันออก (East African Community: EAC) ที่มีศักยภาพและแหล่งลงทุนของไทยในอนาคต พร้อมที่จะเปิดประตูการค้าเพื่อเป็นตลาดใหม่ทดแทนตลาดเดิมที่ชะลอตัวของไทย และจากการเดินทางไปยังภูมิภาคดังกล่าวของผู้แทนฝ่ายไทยได้สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนของประเทศดังกล่าวได้อย่างดียิ่ง
ที่ผ่านมาการค้าการลงทุนของไทยในกลุ่มประเทศดังกล่าวยังมีไม่มากนัก ประกอบกับรัฐบาลของทั้ง 3 ประเทศมีนโยบายที่จะส่งเสริมการเข้ามาลงทุนของต่างชาติในแนวทางเดียวกัน ทั้งในด้านระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เนื่องจากที่ผ่านมาการส่งออกหลักของกลุ่มประเทศดังกล่าวยังคงเป็นการส่งออกสินค้าในรูปวัตถุดิบ ไม่มีการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น จึงเป็นโอกาสอันดีของไทยที่จะขยายการค้าการลงทุนไปสู่กลุ่มประเทศเหล่านี้ ซึ่งหากสามารถเจาะตลาดดังกล่าวได้ จะสามารถเข้าถึงประชากรกว่า 150 ล้านคน โดยที่สินค้าที่มีศักยภาพ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิคส์ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เป็นต้น
ทั้งนี้ ปี 2554 (มค.-ตค.) มูลค่าการส่งออกระหว่างไทยกับกลุ่มประชาคมแอฟริกาตะวันออก (3 ประเทศดังกล่าว) รวม 7,650.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.67 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยส่งออกน้ำตาลทรายมากที่สุด (ร้อยละ 15.52) รองลงมา ได้แก่ เม็ดพลาสติก (ร้อยละ 13.06) และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (ร้อยละ 12.79) มูลค่าการนำเข้า 694.3 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 38.15 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสินค้าที่มีการนำเข้า ได้แก่ เคมีภัณฑ์ (ร้อยละ 48.26) ด้ายและเส้นใย (ร้อยละ 30.33) และเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ (ร้อยละ 7.06)