กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.55 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากตัวเลขดังกล่าวทรงตัวในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นการย้ำมุมมองของนักวิเคราะห์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการที่ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นและปรับเพิ่มสต็อกสินค้า
ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเป็นองค์ประกอบสำคัญในการคำนวณผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวมีอิทธิพลต่อการประเมินวงจรทางธุรกิจและการขยายตัวของเศรษฐกิจ
รายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจด้านการผลิต ขยายตัว 0.9% ขณะที่สต็อกสินค้าคงคลังของธุรกิจค้าปลีกทรงตัว และสต็อกสินค้าคงคลังของธุรกิจค้าส่งปรับตัวขึ้น 1.6%
ส่วนยอดขายของภาคธุรกิจขยายตัว 0.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 1.22 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. ขณะที่สัดส่วนสต็อกสินค้าคงคลังต่อยอดขาย ซึ่งเป็นมาตรวัดระยะเวลาที่สินค้าถูกระบายออกจากสต็อก ทรงตัวอยู่ที่ 1.27 เดือน
ทั้งนี้ โดยปกติแล้วเมื่อมูลค่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่นักเศรษฐศาสตร์บางรายคาดว่า ภาคธุรกิจอาจจะปรับลดสต็อกสินค้าคงคลังในอนาคตอันใกล้นี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงชะลอตัว