รัฐบาลสหรัฐเปิดประมูลสัญญาเช่าแท่นขุดเจาะบ่อน้ำมันนอกชายฝั่งในภาคตะวันตกของอ่าวเม็กซิโก ซึ่งนับเป็นการประมูลครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ท่อน่ำมันของบริษัทบีพีรั่วในปีที่ผ่านมา
เคน ซาลาซาร์ รัฐมนตรีมหาดไทของสหรัฐกล่าวในงานแถลงข่าวว่า การประมูลดังกล่าวมีผู้ยื่นซองประกวดถึง 241 ราย ซึ่งมาจากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 20 ราย คิดเป็นมูลค่าการประมูลสูงกว่า 700 ล้านดอลลาร์ สำหรับแหล่งทรัพยากรทั้งหมด 191 แหล่งในภาคตะวันตกของอ่าวเม็กซิโก
"ผลการประกวดราคาแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโกได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก" เขากล่าว
บริษัทโคโนโค ฟิลิปส์ เสนอราคาในการประมูลสูงสุดที่ 103.2 ล้านดอลลาร์สำหรับแหล่งน้ำลึก Keathley Canyon Block 95 ส่วนคู่แข่งที่เข้าร่วมประกวดราคาครั้งนี้มีชื่อบีพี และ รอยัล ดัทช์ เชลล์ รวมอยู่ด้วย โดยบีพีเสนอราคาเช่าในระดับที่สูงถึง 12 ซอง มูลค่า 27.5 ล้านดอลลาร์
สำนักงานบริหารจัดการพลังงานในมหาสมุทรของสหรัฐคาดว่า การประมูลจะส่งผลให้ยอดการผลิตน้ำมันดิบแตะที่ 222-423 ล้านบาร์เรล และก๊าซธรรมชาติแตะที่ 1.5-2.7 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
ทั้งนี้ การประมูลสัญญาเช่าได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นการประมูลครั้งแรกหลังเกิดเหตุระเบิดที่บ่อน้ำมันมาคอนโดของบีพีในเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้คนงานเสียชีวิต 11 ราย และนับเป็นเหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า องค์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหลายกลุ่มได้ยื่นฟ้องการประมูลดังกล่าวต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลปกครองในวอชิงตันมีคำสั่งให้ผลการประมูลเป็นโมฆะ โดยระบุว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนจากบริษัทบีพี ด้วยการเปิดการประมูลโดยไม่ได้แก้ไขกฎเกณฑ์ในเรื่องความปลอดภัยของการขุดเจาะนอกชายฝั่ง