นายเติมชัย บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า หากรัฐบาลสั่งเลื่อนการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ(NGV) ออกไปอีก บริษัทฯ ก็จะต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นอีกปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้อ้างอิงจากราคาเนื้อก๊าซตั้งแต่เมื่อปี 2543 แต่ปัจจุบันต้นทุนราคาเนื้อก๊าซปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ก็ปรับขึ้นมาอยู่ที่กล่าว 15 บาทต่อกิโลกรัม ขณะเดียวกันหากบริษัทฯ ได้ปรับขึ้นราคาบ้างก็จะช่วยลดภาระการขาดทุน และมีเม็ดเงินในการไปขยายสถานีบริการเพิ่มเติมและเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งก๊าซตามแนวท่อก๊าซ
ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ(NGV) มาจนถึงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯ ต้องแบกรับภาระขาดทุนสะสมไปแล้วกว่า 31,000 ล้านบาท
นายเติมชัย กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มการส่งก๊าซในช่วง 3 เดือนนี้อีก 1,400 ตันต่อวัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท และจะเพิ่มจำนวนสถานีบริการเพิ่มรองรับความต้องการมี่เพิ่มขึ้นเป็น 502 แห่งจากปัจจุบันมี 463 แห่ง
อนึ่ง คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เห็นชอบให้มีการปรับขึ้นราคา NGV เดือนละ 50 สตางค์/กก. เป็นเวลา 12 เดือน รวมทั้งหมด 6 บาท/กก. ทำให้ราคา NGV จะปรับเพิ่มขึ้นจาก 8.50 บาท/กก.เป็น 14.50 บาท/กก. โดยจะเริ่มปรับขึ้นราคา NGV ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.55 และจะมีการยกเลิกการชดเชยราคา NGV ให้กับ ปตท. 2 บาท/กก. โดยให้ ปตท.นำเงินที่ได้จากการชดเชยราคาเอ็นจีวีมาส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ แทน 2 บาท/กก. เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนลดราคาขายปลีก NGV ในโครงการบัตรเครดิตพลังงานให้กับรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ คือ รถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถตู้ร่วมโดยสาร ขสมก.เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV
นอกจากนี้ การปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV ดังกล่าวจะทำให้ภาระเงินชดเชยกองทุนน้ำมันฯ ในปี 2555 ลดลงจากประมาณ 5,800 ล้านบาท เหลือ ประมาณ 800 ล้านบาท