ประกาศของ ธปท.ชี้แจงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการอนุญาตให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศหรือ Subsidiary ว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการอนุญาตให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ (Branch) ในปัจจุบัน ยื่นขอยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ (Subsidiary) ที่มีสาขาได้ 20 แห่งและ ATM นอกสถานที่ 20 เครื่อง
ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศสามารถยื่นคำขออนุญาตได้ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.-28 ธ.ค.55 เมื่อได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังแล้วสามารถยื่นคำขอจัดตั้งสาขาและ ATM ต่อ ธปท.โดยมีหลักเกณฑ์ว่าสาขาธนาคารต่างประเทศจะต้องมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐาน BIS ไม่ต่ำกว่า 12% สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ไม่เกิน 3.5% มีผลจัดอันดับที่ดีตามเกณฑ์ ธปท. มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี ทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
นางทองอุไร กล่าวว่า ขณะนี้มีสาขาธนาคารต่างประเทศในประเทศไทย 15 แห่ง เป็นสำนักงานตัวแทน 1 แห่ง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าทั้ง 15 จะเข้าเกณฑ์ของ ธปท.หรือไม่ แต่เชื่อว่าคงจะสนใจ และยอมรับว่าการเปิดโอกาสให้ธนาคารต่างประเทศมีสาขาเพิ่มขึ้นจะมีผลต่อการแข่งขันของสถาบันการเงิน เพราะสามารถทำธุรกรรมการเงินได้ทุกอย่างเหมือนธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน รวมถึงนักธุรกิจต่างประเทศที่มาลงทนในประเทศไทย ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ไทยแข็งแกร่งเพียงพอที่จะแข่งขันได้
สำหรับโจทย์ของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 55 นางทองอุไร กล่าวว่า ช่วงแรกคงจะต้องดูแลผลกระทบที่เกิดกับลูกค้าที่ถูกน้ำท่วมก่อน ซึ่งธปท.เองก็ช่วยเหลือปลดล็อคให้สามารถดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกค้าได้เต็มที่ โดยเฉพาะสินเชื่อประเภคอร์ปอเรท จากนั้นต้องจับตาปัญหาหนี้ยุโรป ซึ่งในระยะแรกผลกระทบที่เกิดกับธนาคารพาณิชย์ไทยคงไม่มาก เพราะมีธุรกรรมกับธนาคารยุโรปน้อย แต่อาจมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจไทย ซึ่งยังไม่รู้ว่าลูกค้าธนาคารได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน
ส่วนการเปิดเสรีธุรกิจธนาคารพาณิชย์นั้น ธปท.ยังยืนยันตามกำหนดในปี 57 โดยจะให้ใบอนุญาตกับผู้เล่นรายใหม่ตามแผนเดิม