ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากข่าวการอสัญกรรมของนายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ ทำให้นักลงทุนแห่ถือครองสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเทขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่าเช่นสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ย้ำว่า วิกฤตหนี้สาธารณะทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงมากขึ้น
สกุลเงินยูโรร่วงลง 0.28% สู่ระดับ 1.2996 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3033 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.15% แตะที่ 1.5496 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5519 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.31% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.010 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 77.770 เยน และดีดตัวขึ้น 0.12% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9371 ฟรังค์ จากระดับ 0.9360 ฟรังค์
สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.80% แตะระดับ 0.9888 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9968 ดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.80% แตะที่ 0.7544 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7605 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความตึงเครียดด้านการเงินระหว่างประเทศ รวมถึงข่าวการอสัญกรรมของนายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ และรายงานจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลที่ระบุว่า 11 ชาติพันธมิตร ซึ่งรวมถึงสหรัฐ ยุโรป และประเทศอาหรับ จะประชุมร่วมกันที่กรุงโรมในวันนี้ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงมากขึ้นต่ออิหร่าน
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เตือนว่า วิกฤตหนี้สาธารณะจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป และจะสร้างความยากลำบากให้กับภาคธนาคารในปี 2555 นอจากนี้ นายดรากียังประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่า อีซีบีจะไม่ซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม
สกุลเงินยูโรแทบจะไม่ได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ที่ประชุมรมว.คลังยูโรโซนมีมติให้จัดหาเงินทุนมูลค่า 1.50 แสนล้านยูโรให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2 แสนล้านยูโร
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดแนวโน้มอันดับเครดิตลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าอาจจะลดอันดับเครดิตอีกหกประเทศในยูโรโซน ได้แก่ อิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัส
นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน
ส่วนในคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะอยู่ที่ 0.635 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย.