นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะผู้แทนการค้าไทยเดินทางไปสำรวจโอกาสและลู่ทางการค้าในกลุ่มภูมิภาคซับซาฮาร่า แอฟริกา ได้แก่ เคนยา, แทนซาเนีย และยูกันดา ซึ่งทั้ง 3 ประเทศมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในแนวทางเดียวกัน และต้องการให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ
ทั้งนี้ได้พร้อมที่จะให้การสนับสนุนนักลงทุนไทยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมสิ่งทอ การถ่ายทอดเทคโนโลยีเจียระไนเพชรพลอย และการลงทุนด้านสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ไฟฟ้า, ประปา, คมนาคม, และการชลประทาน
"ทั้ง 3 ประเทศเป็นสมาชิกในกลุ่มประชาคมแอฟริกาตะวันออก(อีเอซี) โดยปัจจุบันภาษีนำเข้าส่งออกระหว่างประเทศสมาชิกเหลือ 0% ซึ่งการเข้าไปลงทุนในประเทศเหล่านี้ จะมีโอกาสเข้าถึงตลาดที่มีประชากรสูงถึง 133 ล้านคน และในอนาคตจำนวนประชากรอาจเพิ่มเป็น 250 ล้านคน จากการที่คองโกที่มีประชากร 72 ล้านคนและชูดาน 45 ล้านคนอยู่ระหว่างการพิจารณาให้เข้าเป็นสมาชิกอีเอซี" นายสุรศักดิ์กล่าว
สำหรับโอกาสของสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการขยายตลาดในกลุ่มอีเอซี ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ก่อสร้าง รวมถึงรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบ
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกในช่วง 10 เดือนของปี 54 (ม.ค.-ต.ค.) ระหว่างไทยกับ 3 ประเทศดังกล่าว มีมูลค่ารวม 7,650.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่งออกน้ำตาลทรายมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ เม็ดพลาสติก, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 694.3 ล้านบาท ลดลง 38.15% โดยสินค้าที่มีการนำเข้ามาก ได้แก่ เคมีภัณฑ์, ด้ายและเส้นใย, เครื่องเพชรพลอย, อัญมณี, เงินแท่ง และทองคำ