สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) หลังจากเยอรมนีเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยูโรยังได้ปัจจัยบวกจากข่าวรัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนด้วยการขายตั๋วเงินคลังได้สูงกว่าเป้าและต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวลดลง
สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.61% แตะระดับ 1.3073 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2994 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 1.01% แตะระดับ 1.5655 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5498 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.22% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.870 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 78.040 เยน และดิ่งลง 0.63% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9315 ฟรังค์ จากระดับ 0.9374 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสเปนสามารถจำหน่ายตั๋วเงินคลังมูลค่า 5.64 พันล้านยูโร (ราว 7.36 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งมากกว่าเป้าหมายสูงสุดที่กำหนดไว้ โดยให้อัตราผลตอบแทนสำหรับตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนที่ 1.735% ลดลงเมื่อเทียบกับการประมูลเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ 5.11% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสเปน ลดลงเมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ 6.78%
อัตราผลตอบแทนซึ่งบ่งชี้ถึงต้นทุนการกู้ยืมของสเปนนั้น ปรับตัวลดลงในช่วงเวลาเดียวกับที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เริ่มจัดหาเงินกู้ระยะเวลา 3 ปีให้กับภาคธนาคารของยุโรปในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสภาพคล่องในระบบธนาคารให้แข็งแกร่งขึ้น
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้แรงหนุนหลังจากสถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.2 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 106.6 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และ GfK ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในระดับที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับในเดือนม.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนและผู้บริโภคยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของเยอรมนี
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของเยอรมนีและสเปนช่วยหนุนสกุลเงินยูโรฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ยูโรร่วงลง 0.28% ในวันจันทร์ ภายหลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เตือนว่า วิกฤตหนี้สาธารณะทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงมากขึ้น พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอีซีบีจะไม่ซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมเนื่องจากกฎหมายได้กำหนดขอบเขตอำนาจของอีซีบี ซึ่งทำให้อีซีบีไม่สามารถซื้อพันธบัตรเพื่อสนับสนุนสถานะการคลังของรัฐบาลในยูโรโซนได้
นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน
ธนาคารกลางอังกฤษจะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 7-8 ธันวาคมในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย และคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) จัดการประชุมในวันพรุ่งนี้ไปจนถึงวันที่ 22 ธ.ค.) แต่ไม่มีกำหนดเปิดเผยอัตราดอกเบี้ย