สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงวันที่ 6 ในรอบ 8 วันทำการ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้นักลงทุนลดความต้องการในการถือครองทองคำ โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เนื่องจากนักลงทุนมองว่า โครงการปล่อยเงินกู้ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของยูโรโซนได้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,613.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,607.70-1,643.70 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 28.7 เซนต์ ปิดที่ 29.249 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.5 เซนต์ ปิดที่ 3.3945 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,431.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 5.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 634.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัทพีเอฟจีเบสท์ กรุ๊ป ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้สัญญาทองคำ COMEX ปรับตัวลงมาจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเกือบ 2% เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ดอลลาร์เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยในยามที่วิกฤตหนี้ยุโรปยังคงลุกลาม และจากการที่นักลงทุนไม่เชื่อว่าโครงการปล่อยเงินกู้ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปได้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อีซีบีตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ 523 แห่งในยูโรโซน นับเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินสูงสุดเท่าที่อีซีบีอัดฉีดเข้าสู่ระบบธนาคารในประวัติศาสตร์ 13 ปีของยูโร โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1%
นอกจากนี้ สัญญาทองคำ COMEX ยังได้รับแรงกดดันจากการที่กลุ่มกองทุนเข้ามาเทขายในช่วงปลายปี และจากภาวะสภาพคล่องตึงตัวในตลาดตราสารหนี้ระยะสั้นของยุโรป