สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่า โครงการปล่อยเงินกู้ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของยูโรโซนได้ นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าประเทศต่างๆในยูโรโซนอาจจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.28% แตะระดับ 1.3040 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3077 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.31% แตะระดับ 1.5702 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5654 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.100 เยน จากระดับ 77.840 เยน และพุ่งขึ้น 0.45% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9357 ฟรังค์ จากระดับ 0.9315 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0090 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0076 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.03% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7696 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7694 ดอลลาร์สหรัฐ
ในช่วงแรกนั้น สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นขานรับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน นับเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินสูงสุดเท่าที่อีซีบีอัดฉีดเข้าสู่ระบบธนาคาร โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1%
แต่ยูโรอ่อนแรงลงในช่วงท้าย เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากพอที่จะแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรปได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าหลายประเทศในยูโรโซนอาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดแนวโน้มอันดับเครดิตลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าอาจลดอันดับเครดิตอีกหกประเทศในยูโรโซน ได้แก่ อิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัส
ฟิทช์ระบุว่า หนี้สินของฝรั่งเศสมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงถึง 92% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2557 ซึ่งทำให้ฟิทช์ตัดสินใจทบทวนแนวโน้มอันดับเครดิตของฝรั่งเศสลงสู่เชิงลบ ซึ่งหมายความว่า มีโอกาสสูงกว่า 50% เล็กน้อยที่ฝรั่งเศสจะถูกลดอันดับเครดิตภายในสองปี
รัฐบาลเยอรมนีมีแผนออกตราสารหนี้มูลค่า 2.5 แสนล้านยูโร (3.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2555 โดย 1.7 แสนล้านยูโรจะอยู่ในรูปของพันธบัตร และอีก 8 หมื่นล้านยูโรจะอยู่ในรูปของตราสารที่ครบกำหนดไถ่ถอนเร็วกว่า ซึ่งมูลค่าการออกตราสารหนี้ในปี 2555 ลดลงจากระดับ 2.75 แสนล้านยูโรในปี 2554
นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 ม.ค. 2555 โดยนายเฮอร์มาน แวน รอยปุย ประธานสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้จะมุ่งเน้นเรื่องการจ้างงานเป็นวาระหลัก