นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ พบว่า มูลค่าการใช้จ่ายของประชาชนช่วงปีใหม่ทั่วประเทศอยู่ที่ 91,520.52 ล้านบาท ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงที่ 2.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีมูลค่า 89,046.13 ล้านบาท และเป็นอัตราขยายตัวต่ำสุดตั้งแต่จัดทำผลการสำรวจ หรือต่ำสุดในรอบ 6 ปี โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ 43,794.52 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายของคนในต่างจังหวัด 47,725.99 ล้านบาท
สำหรับพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินในช่วงปีใหม่ 2555 ส่วนใหญ่ตอบว่าใช้จ่ายทั้งตนเองและผู้อื่น โดยการใช้จ่ายสำหรับตนเองนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการสังสรรค์/จัดเลี้ยง รองลงมาคือ ทำบุญ และซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเรือน เป็นต้น โดยแหล่งที่มาของเงินที่นำมาใช้จ่ายนั้น 57.8% ระบุมาจากเงินเดือน/รายได้ตามปกติ ส่วน 32.5% มาจากเงินออม 4.9% มาจากโบนัส/รายได้พิเศษ และ 4.8% มาจากแหล่งอื่นๆ ส่วนสิ่งที่เป็นห่วงในปี 55 คือ ความไม่สามัคคี เศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ยาเสพติด คอรัปชัน ภัยธรรมชาติ เป็นต้น ส่วนคำอวยพรสำหรับประเทศไทยอันดับ 1 คือ ขอให้ในหลวงทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง รองลงมาคือ ขอให้ภาคใต้สงบสุข เศรษฐกิจดีขึ้น สังคมไทยมีความสุข เป็นต้น
ขณะที่นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าประชาชนยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะซึมตัว และระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แม้จะพบว่า มีเงินสะพัดมากกว่าปีก่อน แต่เป็นอัตราการขยายตัวที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งที่ในปี 52 เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ จนเศรษฐกิจไทยติดลบ 2.3% ส่วนปี 49 เกิดปฏิวัติในประเทศ แต่คนไทยยังใช้จ่ายมากกว่านี้ อีกทั้งเงินที่สะพัดมากขึ้นยังเป็ นเพราะสินค้ามีราคาแพงขึ้นด้วย คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะซึมยาวถึงไตรมาสแรกของปีหน้า ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนให้มากขึ้น