วุฒิสภาของอิตาลีอนุมัติรับรองแผนการรัดเข็มขัดของรัฐบาลในการลงมติไว้วางใจวันนี้ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ได้เรียกร้องให้จัดการลงมติดังกล่าวขึ้น เพื่อเร่งรัดการอนุมัติแผนรัดเข็มขัดมูลค่า 3.3 หมื่นล้านยูโร ซึ่งครอบคลุมทั้งการขึ้นภาษี การลดรายจ่าย และการปฏิรูประบบบำนาญ ด้วยเป้าหมายที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาด
โดยการลงคะแนนของวุฒิสภาในวันนี้ด้วยคะแนน 257 ต่อ 41 เสียง ถือเป็นการอนุมัติขั้นสุดท้าย หลังจากที่มาตรการรัดเข็มขัดดังกล่าวได้ผ่านการลงคะแนนจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงขาดลอยเช่นกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายมอนติ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งต่อจากนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ในเดือนที่แล้วท่ามกลางวิกฤตหนี้ที่รุมเร้า กล่าวต่อวุฒิสมาชิกก่อนการลงมติว่า "ความน่าเชื่อถือของประเทศมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อที่เราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ อีกทั้งยังมีความสำคัญสำหรับเศรษฐกิจของเราที่จะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง"
นายกฯ อิตาลีได้กล่าวก่อนหน้านี้ด้วยว่า หากไม่มีมาตรการรัดเข็มขัด อิตาลีจะเผชิญกับหายนะทางเศรษฐกิจดังเช่นที่เกิดขึ้นกับกรีซ และระบุว่า แผนการดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเรียกคืนความเชื่อมั่นในตลาดให้กลับคืนมา และป้องกันอิตาลีให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน
การลงมติในวันนี้มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เจ้าหน้าที่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนกรุงโรมเป็นเวลาสั้นๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการติดตามผลการดำเนินงาน
แถลงการณ์ของไอเอ็มเอฟระบุว่า ทีมซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจำนวนสองคนได้เข้าพบคณะผู้บริหารใหม่ของอิตาลี เพื่อรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านงบประมาณ รวมทั้งได้หารือที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับแนวทางการติดตามภารกิจต่างๆที่ทางการอิตาลีร้องขอ ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ประมาณต้นปี 2555
ขณะเดียวกัน วานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลี (Istat) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสาม หดตัวลง 0.2% จากไตรมาสสองที่ขยายตัว 0.3% ส่งสัญญาณว่าอิตาลีอาจกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ปี 2544 ในขณะที่รัฐบาลเตรียมดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดชุดใหม่ที่จะยิ่งส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ
โดยนายมอนติกล่าวยอมรับก่อนหน้านี้ว่า มาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวใน 2-3 ไตรมาสข้างหน้า แต่ก็จะทำให้อิตาลีสามารถแข่งขันได้มากขึ้นในอนาคต
รัฐบาลอิตาลีคาดว่า เศรษฐกิจของประเทศจะหดตัวในไตรมาสสี่ปีนี้, ขยายตัว 0.6% ตลอดทั้งปีนี้ และหดตัว 0.4% ในปีหน้า