นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้มีมติเห็นชอบในหลักการโอนภาระหนี้สินกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 1.1 ล้านล้านบาท ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแล และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึง ธปท.ได้มีการรวบรวมความเห็นเสนอและข้อสังเกตกลับมาที่ ครม.อีกครั้งในสัปดาห์หน้า
"หนี้ที่เกิดจากวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 40 สถาบันการเงินขณะนี้ไม่สามารถจัดการได้และแบงก์ชาติไม่มีความพร้อมดูแลหนี้ส่วนนี้ เพราะส่วนนั้นแบงก์ชาติต้องดูแลค่าเงินและเงินสำรองมีน้อย...รัฐบาลรับภาระหนี้นี้มาประคับประคองจ่ายดอกเบี้ยเป็นเวลา 10 ปี เราเห็นว่าความพร้อมของแบงก์ชาติตอนนี้มีแล้ว เงินสำรองของประเทศก็สูงและเข้มแข็งดี" นายกิตติรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้เมื่อโอนภาระหนี้ดังกล่าวกลับให้ ธปท. แล้ว คาดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี จะลดลง 10% หรือทำให้ภาระหนี้สาธารณะที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 41% จะเหลือประมาณ 30%ของจีดีพี
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยอมรับว่า ธปท.อาจไม่ต้องการรับภาระหนี้คืน แต่รัฐบาลมองว่าเป็นภาระของประเทศ ซึ่งในยามที่ประเทศเป็นหนี้ ก็ควรมีหน่วยงานอื่นมารับภาระแทน และเชื่อว่า ธปท.จะมีความพร้อมและสามารถหาวิธีบริหารจัดการได้ เพราะยังมีเวลาเตรียมการอีก 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติหลักการให้ ธปท. ไปศึกษาแนวทางแก้กฎหมายเพื่อสามารถปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) วงเงิน 3 แสนล้านบาท
"เราเห็นว่า ธปท.มีความคล่องตัวที่สามารถจะปล่อยซอฟท์โลนตามสภาวะการณ์ที่เหมาะสมได้ ครม.จึงพิจารณาแก้ไขให้สิทธิในการออกซอฟท์โลนโดยแบงก์ชาติ โดยไม่ขัดข้อกฎหมาย" นายกิตติรัตน์ กล่าว