นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ตีกลับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 55 ที่เปลี่ยนมาใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปแทนแบบเดิมที่ใช้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานว่า ยังาไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายการเงินที่ปัจจุบันใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.25% เพราะยังสามารถใช้กรอบเดิมของปีนี้ที่กำหนดกรอบอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน 0.5-3%
แต่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน รวมทั้งระบบการบริหารประเทศไทย และยืนยันว่ายังไม่จำเป็นต้องเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)นัดพิเศษ ก่อนกำหนดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 25 ม.ค.55 อย่างไรก็ตาม คงต้องรอความชัดเจนจากกระทรวงการคลังอีกครั้ง
นายประสาร ยังกล่าวว่า ธปท.พร้อมชี้แจงและหารือรายละเอียดการโอนหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ร่วมกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและรมว.พาณิชย์ กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)หากมีการประสานมา หลังจากครม.เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.เห็นชอบหลักการให้โอนหนี้ จำนวน 1.14 ล้านล้านบาทมาให้ ธปท.โดยยืนยันไม่เคยหารือเรื่องนี้กับรัฐบาลมาก่อนหน้านี้
"จะยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องหนี้ของกองทุนนั้นไม่ใช่หนี้ของ ธปท.แต่เป็นกลไกของรัฐบาลที่เกิดขึ้นตามมติ ครม.เมื่อปี 2540 เพราะรัฐบาลต้องการเข้าคุ้มครองเงินฝากให้ประชาชน ส่วนที่มองว่า ธปท.มีฐานะดีมากนั้น ความจริงแล้วปัจจุบัน ธปท.มีทุนติดลบประมาณ 4 แสนล้านบาท เพราะขาดทุนจากการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน ถ้ารับโอนหนี้ 1.14 ล้านล้านบาทไว้ ซึ่งเป็นวิธีที่ธนาคารกลางทั่วโลกไม่ทำกัน จะยิ่งทำให้ติดลบอีกมาก" ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าว