สกุลเงินยูโรร่วงลง 1.02% แตะที่ 1.2935 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3068 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลง 1.37% แตะที่ 1.5450 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5665 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.10% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 77.920 เยน จากระดับ 77.840 เยน และพุ่งขึ้น 0.95% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9428 ฟรังค์ จากระดับ 0.9339 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.62% แตะที่ 1.0090 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0153 ดอลลาร์สหรัฐ และดิ่งลง 0.32% แตะที่ 0.7688 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7713 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรร่วงลงทันทีที่มีรายงานว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปได้นำเงินมาฝากไว้กับอีซีบีเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.52 แสนล้านยูโร (5.91 แสนล้านดอลลาร์) เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 4.12 แสนล้านยูโรในวันก่อนหน้านั้น ซึ่งยอดเงินฝากที่พุ่งสูงขึ้นเป็นผลมาจากการที่อีซีบีตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปี มูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ 523 แห่งในยูโรโซนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
จำนวนเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับอีซีบีนั้น สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารพาณิชย์ลังเลที่จะเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหาในยุโรโซน ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของอีซีบีที่ปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์เพื่อให้ธนาคารนำไปซื้อพันธบัตรของประเทศยุโรโซน
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนมีความระมัดระวังในการซื้อขาย ก่อนที่รัฐบาลอิตาลีจะเปิดประมูลขายตราสารหนี้ที่ไม่ระบุดอกเบี้ย (zero-coupon notes) ที่มีวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 และ 2565 ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย
ส่วนเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย อิตาลีสามารถระดมทุนได้ 9 พันล้านยูโร (1.18 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือน วันนี้ โดยให้อัตราดอกเบี้ยที่ 3.251% ต่ำกว่าระดับ 6.504% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ในการประมูลเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ถึงครึ่งหนึ่ง
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. และดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์กเดือนธ.ค.