ผลสำรวจโดยหนังสือพิมพ์ โท วีมา เผยชาวกรีซ 8 ใน 10 คนปฏิเสธความเป็นไปได้ที่กรีซจะออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน ในขณะที่นายยอร์กอส โพรโวพูลอส ผู้ว่าการธนาคารกลางกรีซ เตือนว่า กรีซจะเผชิญผลลัพธ์ที่เลวร้ายมากหากออกจากยูโรโซน
ผู้ตอบแบบสำรจ 77.2% สนับสนุนพันธสัญญาของกรีซต่อสกุลเงินยูโร โดยมองว่า ยูโรเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับวิกฤตหนี้ที่รุมเร้ากรีซมานับตั้งแต่ปี 2552 รวมทั้งลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจ 16% เลือกที่จะกลับไปใช้สกุลเงินดรักมาในการไขวิกฤตหนี้
ขณะเดียวกัน ผู้ว่าธนาคารกลางกรีซปฏิเสธความเป็นไปได้ที่กรีซจะพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน โดยในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่ง นายโพรโวพูลอสเตือนว่า หากกรีซถอนตัวจากยูโร ประชาชนชาวกรีซจะเผชิญกับผลกระทบที่ตามมามากมาย อาทิ การขาดแคลนอาหารและพลังงาน
ผลสำรวจเผยด้วยว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 6 ใน 10 คนแสดงความเชื่อมั่นในความพยายามของนายกรัฐมนตรี ลูคัส ปาปาเดมอสในการรับมือกับวิกฤต แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการให้นายปาปาเดมอสแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้น และขอให้สามพรรคการเมืองสนับสนุนรัฐบาลในการเจรจากับเจ้าหนี้ต่างประเทศว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือแก่กรีซ
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนพ.ค.2553 กรีซได้พึ่งพาเงินกู้หลายพันล้านยูโรจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อช่วยให้กรีซหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้และกลับมาขยายตัวอีกครั้ง
รัฐบาลภายใต้การนำของนายปาปาเดมอสซึ่งเข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นเดือนพ.ย. มีภารกิจยากลำบากในการเจรจาสวอปหนี้บางส่วนกับเจ้าหนี้ภาคเอกชนที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซในช่วงต้นปี 2555 นี้ ก่อนที่จะมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในประเทศ
ชาวกรีซ 56.3% สนับสนุนการจัดการเลือกตั้งในเดือนเม.ย. เนื่องจากดูเหมือนว่า กำหนดการเลือกตั้งเดิมในวันที่ 19 ก.พ.ที่ทุกพรรคการเมืองให้ความเห็นชอบร่วมกันเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ หลังจากที่การเจรจาต่างๆถูกเลื่อนออกไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่อีก 37.7% เสนอว่าควรจัดการเลือกตั้งหลังจากนั้น
ผลสำรวจชี้ว่า หากจัดการเลือกตั้งขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ พรรคนิว เดโมเครซี่ จะเป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนน 21.4% มากกว่าพรรค PASOK ของอดีตนายกฯ จอร์จ ปาปันเดรอู ที่ได้ไป 12.6% ซึ่งคะแนนดังกล่าวนับว่าต่ำเป็นประวัติการณ์สำหรับทั้งสองพรรคการเมือง
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจ 30% ระบุว่าจะงดออกเสียง เพราะโกรธและผิดหวังกับวิธีการแก้ไขปัญหาของทุกพรรคการเมือง สำนักข่าวซินหัวรายงาน