ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 21.04 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 12,418.42 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.24 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 1,277.30 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.36 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 2,648.36 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานในสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของภาคการผลิตสหรัฐ และยังทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะช่วยหนุนอุปสงค์พลังงานให้ดีดตัวขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ขยับขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 103.22 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 103.72 - 101.88 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิหร่านและวิกฤตหนี้ยุโรป ยังคงเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 12.2 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 1,612.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.เป็นต้นมา หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1612.7 - 1600.2 ดอลลาร์
-- สกุลเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแทบจะไม่ให้การตอบรับผลการประมูลพันธบัตรครั้งล่าสุดของรัฐบาลเยอรมนี ประกอบกับมีการคาดการณ์ว่า การประมูลพันธบัตรครั้งต่อไปอาจจะไม่ได้รับการตอบรับจากตลาดเท่าที่ควร
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.82% แตะที่ 1.2943 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3050 ดอลลาร์สหรัฐ
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเปราะบางของภาคธนาคารในยุโรป หลังจากมีรายงานว่าธนาคารยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ประกาศระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้น 7.5 พันล้านยูโรเพื่อหนุนงบดุลบัญชี ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5,668.45 จุด ลดลง 31.46 จุด