สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิหร่านและวิกฤตหนี้ยุโรป ยังคงเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 12.2 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 1,612.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.เป็นต้นมา หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1612.7 - 1600.2 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 47.5 เซนต์ ปิดที่ 29.097 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 9.4 เซนต์ ปิดที่ 3.4345 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 9.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 653.55 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 6.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,426.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าทองคำได้กลับมาเคลื่อนไหวในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง ในฐานะแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของอิหร่าน รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากอิหร่านยังคงท้าทายอำนาจของชาติตะวันตกที่ประกาศคว่ำบาตรอิหร่านเมื่อไม่นานมานี้ และอิหร่านยังได้ประกาศความสำเร็จในการผลิตและทดสอบแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ด้วย
สัญญาทองคำได้แรงหนุนมากขึ้นหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รายงานว่า ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เข้าซื้อทองเกือบ 350 ตันในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2554 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางทั่วโลกจะยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในปี 2555